lesson 3 - เรอเนสซองค์

มาเริ่มประวัติศาสตร์ศิลปยุคเรอเนสซองค์กัน เนื่องจากมีศิลปินนักปรัชญาเยอะมาก จะขอแนะนำเฉพาะหัวหอกแหลมๆนะ เริ่มที่นาย Filippo Brunelleschi(1377-1446) ดูแก่ในรุ่นหน่อย

ฟีลิปโป บรูเนลเลสกี (Filippo Brunelleschi)  1377,-1446เป็นสถาปนิกชาวอิตาลี และเป็นหนึ่งในสถาปนิกกลุ่มแรกที่เข้าร่วมกระบวนการเรอเนซองซ์ในเมืองฟลอเรนซ์
งานออกแบบส่วนใหญ่ของเขาจะอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์แห่งนี้ บรูเนลเลสกีเป็นสถาปนิกที่โด่งดังและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในยุคของเขา

ผลงานหนึ่งที่สำคัญของเขาอันเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อวงการออกแบบสถาปัตยกรรมของโลกมาจนถึงทุกวันนี้คือ การคิดค้นระบบการเขียนแบบทัศนียภาพหรือเพอร์สเปกทีฟ (perspective)

ภาพแสดงเทคนิคการทำเปอร์ของเขา

บรูเนวเลสกีเคยเป็นช่างทำทองรูปพรรณมาก่อน ต่อมาจึงมาสนใจงานประติมากรรม  เมื่อฟลอเรนซ์จัดมีการประกวดแบบการสร้างบานประตูวัดประจำเมือง บรูเนลเลสกีได้ส่งเเบบเข้าประกวดด้วย แต่ผลการตัดสินเป็นของกิเเบร์ตี ทำให้บรูเนสเลสกีหันเหไปสูวีชาชีพอื่นเเทน



งานประติมากรรมของเจาเกี่ยวเนื่องกับศาสนาเหมือนจารีตนิยมในยุคโกธิค

บรูเนสเลสกียังคงสนใจในสถาปัตยกรรม จะเห็นได้จากการเดินทางไปกรุงโรมเพื่อศึกษาวิธีการก่อสร้างของชาวโรมันอย่างใกล้ชิด

ผลจากการทุ่มเทเวลา และสติปัญญาศึกษาศิลปรรมเเบบโบราณนี้ทำให้เค้าค้นพบทฤษฎีทัศนียภาพ (Perspactive) ซึ่งก่อให้เกิดการพัฒนาของศิลปกรรมทุกสาขาของศริตสศตวรรษที่15 สามารถกล่าวได้ว่าเป็นการพลิกโฉมใหม่ของประวัติศาสตร์ศิลป์เลยทีเดียว


งานเขียนแบตกแต่งภายในใช้สถาปัตยกรรมแบบโรมัน มีเปอร์ที่แม่นยำ

เขาเเก้ปัญหาทั้งมวลที่สถาปนิกในรุ่นเดียวกันทำไม่ได้ เช่น การออกเเบบและก่อสร้าง โดมขนาดใหญ่ของโบสถ์วัดประจำเมืองฟลอเรนซ์(Duomo Florence Cathedral) ซึ่งสร้างทิ้งไว้นานตั้งแต่ค.ศ.1294เพราะไม่มีสถาปนิกคนใดสามารถเเก้ปัญหาฌครงสร้างรองรับโดมที่มีน้ำหนักมากได้



งานวาดคำนวนการสร้างโดมของเขา

การก่อสร้างดำเนินต่อมา มีการผลัดเปลี่ยนสถาปนิกหลายคน แต่ละคนไม่สามารถเเก้ไขปัญหาโดมใหญ่ได้ จึงไม่มีผู้อาสาออกเเบบสร้าง จนถึงสมัยของบรูเนลเลสกีที่สามารถเเก้ปัญหานี้ได้

โดมใหญ่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 140ฟุต ปราศจากเสาค้ำยันภายใน อีกทั้งมีขนาดเกินกว่าที่จะใช้โครงไม้เข้าช่วยดังที่เคยปฏิบัติมาก่อน บรูเนลเลสกีเริ่มสนใจปัญหานี้ และได้มีการจัดการประกวดเเบบขึ้นเช่นเดียวกับการสร้างบานประตู

ในที่สุดเขาก็ชนะใจกรรมการแบบไม่มีใต้โต๊ะ อนุมัติให้แผนงานของเค้าได้รับรางวัล การเเข่งขันคราวนี้เค้าได้รับชัยชนะกีเเบร์ตีผู้เคยชนะเค้ามาก่อนด้วย



บรูเนลเลสกีออกเเบบโดมให้มีรูปร่างเกือบเหมือนครึ่งวงกลมคล้ายโดมของสถาปัตยกรรมของโรมัน เเต่เปลี่ยนรูปกลมให้เป็นหกเหลี่ยมเเทน เเต่ละเหลี่ยมมีคานที่รองรับโดมขึ้นไป ทำให้โครงโค้งตามรูปโดม มีทั้งหมด8อันแต่ละอันมาบรรจบกันตรงจุดสูงสุดถึง180 ฟุต

 โดมของมหาวิหารฟลอเรนซ์ ฟีลิปโป บรูเนลเลสกี ซึ่งค้นพบวิธีการแบ่งน้ำหนักของโดมให้กระจายตัวเท่าๆ กัน

โดมนี้สามารถมองเห็นโครงสร้างนี้จากภายนอก เป็นรูปคล้ายโคมหรือตะเกียง(Lamtren) ขนาดใหญ่ เปิดช่องหน้าต่างเพื่อรับเเสงสว่างจากภายนอกสาดส่องเข้าไปในอาคาร (โคมนี้สร้างขึ้นหลังจากที่บรูเนลเลสกี ถึงเเก่กรรมเเล้ว ในค.ศ.1446) เมื่อสร้างเสร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้เเก่ชาวฟลอเรนซ์เป็นอย่างมาก ทางการจึงประกาศห้ามมิให้สร้าง สิ่งก่อสร้างใดๆที่สูงไปกว่ายอดของโดม


เขาเคยออกเเบบสร้างโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองฟลอเรนซ์ชื่อ ออสเปดาเล เดลกลิ อินโนเซนตี (ค.ศ.1419-1424)เป็นเเบบเรียบๆ มีเสากลมๆเเบบศิลปะคลาสิคเเบบคลอรินเธียนตั้งเป็นเเนวเรียงรายด้านหน้า ของทางเข้า 10 ต้น  เสาเเต่ละต้นทำเป็นรูปคล้ายประตูโค้งครึ่งวงกลม(Arch)


เเละผลงานอีกชิ้นที่ตามมา เช่น หอสวดมนต์ปาสซีของวัดซานตาโกรเช โบสถ์วัดซานโลเรนโซ และวัดซานโตสปิริโต ซึ่งอยู่ในฟลอเรนซ์ทั้งหมด โดยเฉพาะ

 หอสวดมนต์ปาสซีของวัดซานตาโกรเช basilica santa croce1294


โบสถ์วัดซานโลเรนโซ

 วัดซานโตสปิริโต

 วัดซานโตสปิริโต เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของเขา เขาออกเเบบแผนผังเป็นรูปไม้กางเกง(Crucifrom) นับว่าเเต่ต่างจากแผนผังของกอธิคที่ทำกันอย่างชัดเจน ผลงานของบรูเนลเลสกีนิยมสร้างโดมเป็นจุดศูนย์กลาง ของอาคารตามเเบบฉบับของที่สถาปนิกโรมัน


ผังอาคาร


Chapel of the Pazzi family,ชิ้นสุดท้ายของเขาอีกเหมือนกัน




สมุดบันทึกการค้นคว้าทางกลศาสตร์ของเขา


รูปปั้นฟีลิปโป บรูเนลเลสกี looking at his cathedral dome

แม้ว่าบรูเนลเลสกีได้ชื่อว่าเป็นสถาปนิกู้รับความสำเร็จ และมีผู้ยกย่องอย่างสูงในขณะที่มีชีวิตอยู่ เเต่เขาไม่ได้มีผลงานเกี่ยวกับพระราชวังหรือสถานที่อยู่อาศัยเลย เเม้จะพยายามออกเเบบราชวังแห่งใหม่ให้เเก่โคสิโม เด เมดิชี (เจ้าเมือง นายทุนใหญ่ของยุค) ก็ตาม เเต่โคสิโมไม่ยอมรับเพราะว่าดูหรูหราเเละฟุ่มเฟือยเกินไป


บนใบหน้าของบรูเนลเลสกีในงานของศิลปินรุ่นน้อง มาซาคจิโอ เป็นผู้วาด

Portrait by Jacopo Pontormoโคสิโม เด เมดิช วาดโดยจาคอบ โพนโตโม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศิลปะยุคกรีก

ศิลปะยุค โรโกโก ตอนที่1 ศิลปแห่งความอ่อนหวานและรุงรัง

ศิลปะยุคบาโรค Baroque ตอนที่ 9 Gian lorenzo Bernini ผู้เสกหินอ่อนให้หายใจได้