ศิลปะยุคบาโรค Baroque ตอนที่ 9 Gian lorenzo Bernini ผู้เสกหินอ่อนให้หายใจได้

ศิลปะยุคบาโรค Baroque ตอนที่ 9

Gian lorenzo Bernini ผู้เสกหินอ่อนให้หายใจได้

Gian Lorenzo Bernini Self - Portrait (1623)ภาพเหมือนตนเองตอนอายุ 25 ปี


จัน ลอเรนโซ เบร์นินี - Gian Lorenzo Bernini (1598 –1680)ประติมากรเอกแห่งยุคบาโรค


ตอนแบร์นินี่อายุแค่ 12 ขวบ

หนูน้อยแบร์นินี่ก็มีโอกาสเข้าเฝ้าพระสันต​ะปาปา Paul V และเมื่อพระสันตะปาปาได้เห็นภาพสเก็ตช์

ที่หนูน้อย Bernini วาดให้ชมสดๆแล้ว Paul V ก็ได้แต่ทึ่ง พร้อมกับเอ่ยปากว่า

"เด็กคนนี้จะเป็นมิเคลันเจโล่แห่งยุคของเร​า" 

แบร์นินี เกิดที่เมือง Naples ในอิตาลี บิดาชื่อ Pietro ผู้มีอาชีพเป็นประติมากรที่มีชื่อเสียงประจำสำนักวาติกัน และเป็นคนที่คาร์ดินัล Scipione Borghese โปรดปรานมาก


คาร์ดินัล Scipione Borghese ผู้อุปถัมภ์บิดาของเบอร์นินีมาก่อน วาดโดยคาราวัจโจ

และการที่คาร์ดินัลเป็นพระนัดดาในสันตะปาปา Paul V ผู้มีอำนาจและร่ำรวยที่สุดในโรมในสมัยนั้น ทำให้คาร์ดินัล Scipione สามารถซื้องานประติมากรรมที่มีค่ามาครอบครองได้เป็นจำนวนมาก และ Scipione ก็ได้ว่าจ้างศิลปินไม่ว่าจะเป็นจิตรกรหรือประติมากรให้มาซ่อมและทะนุบำรุงโบราณวัตถุที่ปรักหักพังด้วย เพราะโปรดการสะสมงานประติมากรรม
Bernini เริ่มทำงานประติมากรรม โดยได้รับการถ่ายทอดจากบิดาโดยตรง ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ และทุกคนก็เริ่มประจักษ์ในความสามารถแกะสลักและปั้นรวมถึงความคิดในการออกแบบรูปปั้นของ Gian Lorenzo ที่มักจัดลีลาของรูปที่ปั้นให้มีชีวิตชีวา


Capra Amaltea con Giove infante e un satiro (1615)

Faun teased by children c. 1616-17


Damned Soul 1619

งานสลักหินยุคแรกๆตอนอายุ 17-19 ปี



Giovanni Vigevano-produced between 1617 

Bust of Cardinal Scipione Borghese, 1630ประติมากรรมหินอ่อนคาร์ดินัล Scipione ผู้อุปถัมภ์เขา


สิงโตปั้นสำหรับประติมากรรมน้ำพุที่กรุงโรม

Gian Lorenzo เรียนและฝึกกับบิดา ต่อมาบิดาได้ให้เขาเดินทางไปสังเกตสไตล์การปั้นของประติมากรคนอื่นๆ ที่กรุง Vatican และที่พิพิธภัณฑ์อื่นๆ ด้วย ประสบการณ์เช่นนี้ได้ทำให้ Gian Lorenzo เรียนรู้งานคลาสสิกต่างๆ แล้วนำมาดัดแปลงโดยเพิ่มสไตล์ของตนเอง


เมื่อมีการขุดพบรูปปั้นชื่อ Hermaphrodite ใกล้ตำบล Termini ใน Rome ทันทีที่รู้ข่าว คาร์ดินัล Scipione ก็ได้ซื้อรูปปั้นนั้น และจ้าง Gian Lorenzo ให้ออกแบบพรมที่รูปปั้นนอนทับอยู่ เพราะ พรมเดิมได้แตกหักจนหมดสิ้นแล้ว Gian Lorenzo Bernini จึงออกแบบพรมใหม่ เมื่อเสร็จทุกคนก็ได้เห็นพรมที่ทำด้วยหินอ่อน ซึ่งดูนุ่ม





Hermaphrodite ที่เบอร์นินีทำหินอ่อนเบาะให้


 หลังจากนั้นความเป็นอัจฉริยะของ Bernini ก็เพิ่มขึ้นๆ เมื่อถึงวัย 20 ปี ความสามารถในการปั้นและการแกะสลักของ Bernini ก็ขึ้นถึงจุดสูงสุดโดยได้แกะสลักและปั้นรูปในเทพนิยายกับคัมภีร์ เช่นรูป Aeneas, Anchises and Ascanius และรูป David


Aeneas, Anchises, and Ascanius 1619 เป็นรูปสลักจำลองจากภาพปูนเปียกของราฟาเอล


อีเนียสคือเจ้าชายคนหนึ่งแห่งเมืองทรอย เป็นบุตรของเทพีอโฟรไดท์กับแอนไคซีส อีเนียสมีส่วนร่วมรบอยู่ในสงครามเมืองทรอย แต่ได้รับการปกป้องระหว่างการรบหลายครั้งจากเทพมารดาคืออโฟรไดท์ รวมถึงอพอลโลและโพไซดอน ก่อนทรอยจะแตก อโฟรไดท์ช่วยให้อีเนียสหนีออกมาได้ เขาพาพลเมืองและทหารติดตามที่หลงเหลือ รวมถึงเชื้อพระวงศ์ทรอยอีกจำนวนหนึ่ง เดินทางระหกระเหินไปจนถึงดินแดนอิตาลี และตั้งอาณาจักรใหม่ขึ้นชื่อว่า อาณาจักรโรมัน 







David ของ Bernini ไม่เหมือนงานของเรอเนสซองค์ เขาได้ออกแบบให้ มีการเคลื่นไหว โดยยืนตัวเอียงเล็กน้อยในลักษณะสวิงวงแขนพร้อมเหวี่ยงก้อนหินใส่ยักษ์ Goliath (ซึ่งไม่อยู่ในที่นั้น) โดย Bernini การบิดตัวของ David แสดงถึงพลังและความตั้งใจและเมื่อมองใบหน้าของ David ก็จะเห็นความมุ่งมั่นชัดเจนขึ้นจากริมฝีปากที่เมัมแน่นได้ปั้นหน้าของ David ให้คล้ายหน้าของตนเองเมื่ออายุ 24 ปี





The Rape Of Proserpina, 1621 22,

 Bernini แกะสลักรูป Rape of Proserpine สูง 250 เซนติเมตร เมื่ออายุ 23 ปี ถวายคาร์ดินัล Ludovico ซึ่งรูปนี้ได้ทำให้ทุกคนประหลาดใจที่ Bernini ได้ปั้นให้พระหัตถ์ของเทพเจ้าฉุดคร่าผู้หญิง












เมื่อมองจากด้านซ้าย รูปสลักแสดงท่าทางของพลูโตขณะกำลังกอดรัดโพรเซอร์พีน่าพร้อมกับก้าวเดินอย่างรวดเร็วและทรงพลัง ด้านหน้าของรูปสลักแสดงพลูโตโอบอุ้มเหยื่อด้วยความภาคภูมิในชัยชนะ ทางด้านขวาเห็นหยดน้ำตาของโพรเซอร์พีน่าขณะนางกำลังสวดอ้อนวอนต่อสวรรค์ สายลมพัดเรือนผมของนางปลิวไสว มีสุนัข 3 หัวซึ่งเป็นผู้เฝ้ายามแห่งนรกกำลังเห่า อาการต่าง ๆ เหล่านี้จากเหตุการณ์นำมาแสดงรวมอยู่ในรูปสลักเพียงรูปเดียว

 Apollo and Daphne (1622–25).



รูป Apollo and Daphne ซึ่งแสดง Daphne ในอาการตกใจที่มือเธอมีกิ่งไม้งอกออกมา และเธอกำลังตระหนักว่า เธอกำลังกลายเป็นต้นไม้ ตามเทพนิยายชื่อ Metamorphosis ของ Ovid ที่เล่าว่า เมื่อ Apollo ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งแสงสว่างทรงดุ Eros (กามเทพ) ว่าไม่สมควรเล่นอาวุธของผู้ใหญ่ Eros รู้สึกโกรธ จึงแก้แค้น โดยการยิงศรทองคำปักอก Apollo ให้หลงรัก Daphne ผู้ได้สาบานว่า จะครองตัวเป็นโสดจนตลอดชีวิต และในขณะเดียวกัน Eros ก็ได้แผลงศรเงินปักอก Daphne ไม่ให้รัก Apollo ตอบ และเมื่อนางถูก Apollo ตามตื้อ นางจึงได้ทูลขอพระบิดาผู้เป็นเทพแห่งแม่น้ำให้ทำลายความงามของนาง พระบิดาจึงสาปนางให้เป็นต้นไม้ทันทีที่ Apollo จะล่วงเกินรูปแกะสลักนี้ทำด้วยหินอ่อนที่ถึงจะเป็นหิน แต่ก็มีชีวิตชีวา เพราะอากัปกิริยาของนางไม้ที่กำลังจะกลายเป็นต้นไม้ ดูสมจริง

Cappella palluzzi albertoni di giacomo mola_(1622-25) 




 Estasi di Santa Teresa d'Avila (1652)

Ecstasy of St. Teresa ถือเป็นหนึ่งใน Masterpiece ของ Bernini เลยก็ว่าได้
นอกจากจะโชว์ฝีมือแกะสลักหินอ่อนระดับเทพแ​ล้วการ จัดองค์ประกอบต่างๆเหมือนฉากละครราวกับมีชีวิตประติมากรรมนี้ มาจากบันทึกของแม่ชี Teresa of Ávila ซึ่งเล่าถึงนิมิตที่แม่ชีฝันเห็นเทวดา
ก่อนเทวดาจะเอาศรทองปักอกแม่ชี จนทำให้นางซาบซึ้งในสัมผัสของพระเจ้า (ความเจ็บปวดมันช่างรุนแรงจนฉันต้องร้องคร​วญครางหลายครั้งแต่ความเจ็บปวดนั้น มันก็ช่างหอมหวานจนฉันไม่อยากจะให้มันจบลง​เลย)


รูปปั้นของ Francesco I d’Este ที่มีผมเป็นลอนสวยและสวมเสื้อคลุม สำหรับผลงานนี้ท่านดยุคได้จ่ายเงิน 3,000 scudi ให้ Bernini ซึ่งเท่ากับเงินที่ Bernini ได้รับจากการสร้าง Fountain of the Four Rivers เพราะรูปปั้นเหมือนตัวจริงจนท่าน Duke of Modena รู้สึกพอใจมาก
ผลงานทางสถาปัตยกรรมชิ้นแรกของแบร์นินีคือซุ้มเซนต์ปีเตอร์เหนือแท่นบูชาในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ และส่วนด้านหน้าของโบสถ์ Santa Babiana ในปี 1624-1626

San Bibiana (Roma, Santa Bibiana,) 

สันตะปาปาองค์ใหม่ทรงพระนามว่า Urban ที่ 8 ได้ทรงแต่งตั้ง Bernini  ในวัย 31 ปี เป็นหัวหน้าศิลปินแห่งกรุง Vatican และโรม ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบงานศิลป์ทุกรูปแบบ ไม่เฉพาะงานแกะสลักและปั้นเท่านั้น แต่รวมถึงงานสร้างอนุสาวรีย์ โบสถ์และน้ำพุต่างๆ ในโรมด้วยเพื่อให้โรมเป็นมหานครที่มีชีวิตชีวา

Bust of Pope Urban VIIIโดย Bernini

ผลงานทางสถาปัตยกรรมของแบร์นินีที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ จัตุรัสและแนวเสาระเบียงของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ และยังเป็นผู้ออกแบบอาคารแบบโรมันอีกหลายแห่ง เช่น Palazzo Berberini, Palazzo Ludovisi (ชื่อปัจจุบันคือ Palazzo Montecitorio) และ Palazzo Chigi


Palazzo Montecitorio



งานออกแบบและประติมากรรมนักบุญเสาระเบียงของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์

Ponte St. Angelo






Roman Angels on the bridge which leads to the Castle Sant Angelo
เหล่าเทวดานางฟ้าโรมันบริเวฌสะพานเชื่อมปราสาท เซนต์แองเจิล

หนึ่งในประเภทของผลงานที่แสดงถึงพรสวรรค์ของแบร์นินีได้ดีที่สุด คือ น้ำพุโรมันแบบบารอก ทั้งผลงานที่เป็นสาธารณสมบัติและสมบัติของสมเด็จพระสันตะปาปา ผลงานที่เป็นที่รู้จักดี ได้แก่ น้ำพุไตรตัน น้ำพุบาร์เบรินี (Fountain of the Bees) รวมทั้งน้ำพุจตุมหานทีที่จัตุรัสนาโวนา
น้ำพุบาร์เบรินี (Fountain of the Bees) 




น้ำพุจตุมหานที-ที่โรม Piazza Navona Rom ที่ประกอบไปด้วยแม่น้ำจาก 4 ทวีปได้แก่ ดานูบ (ยุโรป), ไนล์ (แอฟริกา),คงคา (เอเชีย) และ พลาตา (อเมริกา)​ มาจากไอเดียของ Borromini อดีตคู่หูของเขาที่แยกตัวไปแต่ Bernini ไปได้รับสัมปทานไปเนื่องจากเขาออกแบบงานประติมากรรมได้โดนใจกว่า

  Tritonbrunnenน้ำพุไตรตันที่โรม



ประติมากรรมช้างที่ Piazza della Minerva, Roma

ในช่วงนี้Bernini ได้แกะสลักประติมากรรมหินอ่อนรวมทั้งงานปั้นหล่อให้กับบุคคลสำคัญที่วาติกันไว้มากมาย

Bust of Pope Paul V, 1621

Pope Urban VIII


 Bust of Louis XIV, 1665.พระเจ้าหลุยส์ที่14แห่งฝรั่งเศส

Bust of pope Gregory 1621


Cardenal Richelieu 1640


Charles-Iพระเจ้าชาร์ลที่1แห่งอังกฤษแกะสลักจากภาพวาดของแวนไดค์(งานสลักจริงหายสาปสูญ)

งานออกแบบสร้าง baldacchino ซึ่งเป็นแท่นบูชาขนาดใหญ่ในมหาวิหาร St. Peter’s โดยเอาแผ่นทองสัมฤทธิ์ที่ใช้ประดับโดมของ Pathenon มาหลอมให้เป็นเสาเกลียวที่สูงเท่าตึก 4 ชั้น ปักที่มุมของหลุมฝังศพของนักบุญ St. Peter และมีเทพธิดาประทับยืนที่หัวเสาทั้ง 4 ผลงานนี้เป็นอนุสาวรีย์สไตล์ baroque ชิ้นแร

Baldacchino อันโด่งดังของวิหาร St. Peter เป็นผลงานการออกแบบร่วมระห​ว่าง Bernini กับ Borrominiหลังจากสร้าง Baldacchino เสร็จไม่นาน Francesco Borromini สถาปนิกคู่หูก็ลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยของเบอร์นินี หลังจาก Borromini แยกตัวไปก็ไปสร้างงานของตนเอง

Borromini, Francesco (1599-1667)



งานออกแบบของ Francesco Borromini

 Bissone lugar de nacimiento


ภายในอาคาร San Carlino -Scarlo alle Quattro fontane

ประติมากรรมด้านหน้าอาคาร San Carlino เป็นงานชิ้นแรก หลังจากที่ Borromini ลาออกจากการเป็นผู้ช่วยของ Bernini

ต้องยอมรับว่าในเรื่องออกแบบสถาปัตยกรรมเขาเหนือกว่าเบอร์นินีแต่ในงานประติมากรรมต้องยกให้เบอร์นินีเขาล่ะ  Borromini เป็นคนหัวรั้น ยอมหักไม่ยอมงอ แถมยังมีสไตล์การออกแบบที่ไม่เหมือนชาวบ้า​นอีก ทำให้ลูกค้าส่วนมากไม่เก็ท ส่งผลให้ท้ายสุด Borromini ต้องมีบั้นปลายชีวิตที่น่าสงสาร เขากลายเป็นสถาปนิกที่ถูกลืม เขาตัดสินใจฆ่าตัวตายก่อนวันเกิดครบ​รอบ 68 ปีแค่ไม่กี่วัน


...ปัจจุบันนี้งานเขาได้รับการยกย่อง ให้เป็นหนึ่งในสุดยอดสถาปัตยกรรมแห่งยุคบา​โร้ก
มาต่อเรื่องของเบอร์นินีกันเถอะ
ภายหลังการแยกตัวของโบรอมมินีแล้วไม่นาน เบอร์นินีได้รับมอบหมายให้ออกแบบหอระฆังวิหาร St. Peter แต่ต้องประสพปัญหากับการคำนวนโครงสร้างงานสถาปัตยกรรมที่รองรับน้ำหนักงานประติมากรรมของระฆังไม่ไหวทำให้วิหาร St. Peter ร้าว จนต้องทำลายทิ้งในที่สุด

 Chigi Chapel, ออกแบบโดย Raphael, about 1513-15; 15169ตกแต่งประติมากรรมภายในโดยเบอร์นินี

San griolamo 

Santa_Maria_Maddalena

Bus of Jesus Christ  1679 รูปสลักหินชิ้นสุดท้ายของเขาที่ทำเสร็จ ตอนอายุ81 ปี





ประติมากรรมTruth เป็นงานแกะสลักสูง 277 เซนติเมตรที่ Bernini ยังทำไม่ทันเสร็จก็เสียชีวิตลงเสียก่อน ทำขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1646-1652 ความงามของงานนี้อยู่ตรงที่ความสมบูรณ์ของงานส่วนใหญ่แต่ยังมีอีกหลายส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์เพราะงานยังไม่แล้วเสร็จ เช่นนิ้วโป้งมือซ้ายกับหัวนมยังเป็นหินชิ้นเดียวติดต่อกันที่ Bernini ยังเกลาไม่เสร็จ 


ผลงานที่ Bernini สร้างขึ้นล้วนสวยงาม และยิ่งใหญ่ จนทำให้ ได้รับการยอมรับว่า หลังจากที่ Michelangelo ตายไปแล้ว ก็ไม่มีใครแกะสลักหินอ่อนให้สวย และมีชีวิตชีวาได้ดีเท่า Bernini’
ส่วนที่เป็นผลงานด้านจิตรกรรมนั้น บุตรชายของ Bernini ได้เคยเอ่ยว่า บิดาได้ทิ้งภาพวาดไว้หลายภาพ เพราะชอบวาดภาพมาก แต่ ณ วันนี้ โลกมีหลักฐานความสามารถของ Bernini ด้านนี้น้อยกว่า 15 ภาพ เช่น ภาพ Savior ที่Bernini วัย 80 ปี ได้ถวายแด่สันตะปาปา Innocent ที่ 11 แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครพบภาพนี้เลย  ตอนนี้กำลังตามหากันให้ควั่ก..

self-portrait-Gian-Lorenzo-Bernini-1615

Autoritratto-comeDavid-1630 ภาพเขียนตนเองเป็นกษัตริย์เดวิท

David with the Head of Goliath, 1625
 portrait of a young man-1630


 Self-Portrait as a Mature Man 163035 ภาพเขียนรูปตนเอง


Portrait of Pope Urban VIII 1632 


Model for Equestrian Statue of King Louis XIVงานสเก็ตส์สีน้ำอนุสาวรีร์พระเจ้าหลุยส์ที่14ทรงม้า

St. Andrew and St. Thomas  1627     


ภาพเหมือนตนเอง, 1665-1667


แผ่นอิฐจารึกชื่อ Gian Lorenzo Bernini ที่โบสถ์ Maria Maggiore


Bernini ถึงแก่กรรมเมื่อ1680-  (พ.ศ. 2222รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) ที่โรมขณะอายุ 81 ปี และศพถูกนำไปฝังที่โบสถ์ Santa Maria Maggiore ถึงขณะมีชีวิต Bernini ได้สร้างประติมากรรมที่มีขนาดใหญ่มากมาย แต่หลุมฝังศพของเขามีเพียงแผ่นอิฐขนาดเล็กติดชื่อเท่านั้น ซึ่งถ้าไม่ตั้งใจก็จะไม่มีใครสังเกตเห็น
   
ธนบัตรอิตาลี 50.000 lire, รูป Bernini ,ปี1984 - 1992.
ด้านหลังธนบัตรเป็นรูปประติมากรรมของเบอร์นินีอนุสาวรีย์พระเจ้าหลุยส์ที่14ทรงม้าที่ประดับอยู่หน้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์ลูฟล์ ฝรั่งเศส ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของประติมากรท่านนี้ และถือเป็นศิลปินอิตาลีคนที่สามที่มีรูปปรากฎในธนบัตรต่อจาก ราฟาแอล และคาราวัจโจ


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศิลปะยุคกรีก

ศิลปะยุค โรโกโก ตอนที่1 ศิลปแห่งความอ่อนหวานและรุงรัง

ศิลปะยุคบาโรค Baroque ตอนที่ 17 โยฮัน เฟอร์เมร์ (Johan Vermeer) ผู้สร้างภาพถ่ายในยุคทองของบาโรคเนเธอแลนด์