ศิลปะยุคบาโรค Baroque ตอนที่ 10 ฌอร์ฌ เดอ ลา ตูร์ผู้สร้างมนต์สเน่ห์แห่งแสงเทียน
ฌอร์ฌ เดอ ลา ตูร์ (Georges
de La Tour; ค.ศ. 1593 -ค.ศ. 1652) วาดโดยการเน้นการใช้
"ค่าต่างแสง" (Chiaroscuro) หรือการใช้ความตัดกันอย่างชัดเจนของแสงและเงา
ภาพตนเองของฌอร์ฌ เดอ ลา ตูร์ อยู่ในฉากหลังภาพขอทานทะเลาะกัน
ฌอร์ฌ
เดอ ลา ตูร์เกิดที่เมืองวิก-ซูร์-แซย์ในแคว้นลอแรนซึ่งถูกผนวกเข้ากับฝรั่งเศสในปี
ค.ศ. 1641 เดอ ลา ตูร์เป็นลูกของฌ็อง เดอ ลา ตูร์ คนอบขนมปัง แต่เดิม มาจากครอบครัวที่มียศศักดิ์
เดอ ลา ตูร์เป็นลูกคนที่สองในบรรดาพี่น้องเจ็ดคน เราไม่ทราบรายละเอียดการศึกษาเบื้องต้นของเดอ ลา ตูร์ว่าศึกษาศิลปจากผู้ใด
Lamentation วาดโดยฌัก แบล็องฌ์Jacques Bellange.จิตรกรเมืองลอแรนเหมือนกันซึ่งมีส่วนต่อแนวคิดในการวาดภาพของฌอร์ฌ เดอ ลา ตูร์
เขาได้เดินทางไปอิตาลีหรือเนเธอร์แลนด์เมื่อเริ่มงานใหม่
ๆ งานของเดอ ลา ตูร์มีลักษณะเป็นบาโรกแบบธรรมชาติของคาราวัจโจ
แต่เดอ ลา ตูร์คงได้ลักษณะนี้มาจาก “การเขียนแบบคาราวัจโจ”
ของจิตรกรชาวเนเธอร์แลนด์
ตระกูลการเขียนภาพแบบอูเทรคท์ (Utrecht School)และจิตรกรทางยุโรปตอนเหนือ
เดอ ลา ตูร์มักจะเปรียบกับเฮ็นดริค เทอร์บรุกเก็น (Hendrick Terbrugghen)จิตรกร“การเขียนแบบคาราวัจโจ”
A Laughing Bravo with a Bass Viol and a Glass (1625);โดยเฮ็นดริค เทอร์บรุกเก็น -Hendrick ter Bruggen (1588-1629);
จิตรกรยุคทองแห่งฮอลแลนด์
นอกจากนั้นเดอ ลา ตูร์ก็ยังทำงานให้ดุ๊กแห่งลอแรนระหว่างปี ค.ศ. 1623–1624 แต่ลูกค้าหลักคือชาวเมืองที่มีฐานะทำให้เดอ ลา ตูร์มีฐานะดี
ในปี ค.ศ. 1617 เดอ ลา ตูร์แต่งงานกับเลอ แนร์ฟ( Diane Le Nerf )จากครอบครัวขุนนางย่อย ๆ และในปี ค.ศ. 1620 ก็ได้สร้างสตูดิโอที่เมืองเล็ก ๆ ชื่อ ลูว์เนวีล ระหว่างนี้เดอ ลา ตูร์ก็เขียนภาพเกี่ยวกับศาสนาและฉากอื่น ๆ ในปี ค.ศ. 1638 ก็ได้รับแต่งตั้งในตำแหน่ง “จิตรกรของพระเจ้าแผ่นดิน” (แห่งฝรั่งเศส)
LouisXIII (1610-1643 )วาดโดย Philippe de Champaigne, พระเจ้าหลุยส์ที่13แห่งฝรั่งเศสขึ้นครองราชย์ตอนอายุแค่ 9 พรรษา เมื่อพระเจ้าอองรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ถูกลอบปลงพระชนม์สวรรคต
เป็นพระบิดาของพระเจ้าหลุยส์ที่14 เป็นผู้อุปถัมภ์ศิลปินหลายท่าน
The Porridge Eaters 1620
St. James the Minor
The Hurdy-Gurdy Player, c.1610-1630คนตาบอดเล่นฮาร์พ การ์พ
St. Thomas, c.1615 - c.1620 นักบุญโธมัสจอมสงสัย ที่ใช้นิ้วจิ้มแผลพระเยซู, ถือหอก อันเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว ภาพนี้เดอ ลา ตูร์ วาดท่าทางได้ชวนสงสัยแท้สมกับวลีที่ว่า
“ทอมัสขี้สงสัย” (Doubting Thomas)
Saint jerome reading a letter 1627-1629
งานสมัยต้นของฌอร์ฌ เดอ ลา
ตูร์แสดงอิทธิพลของคาราวัจโจซึ่งอาจจะได้รับมาจากจิตรกรเนเธอร์แลนด์ร่วมสมัย ภาพ “โกงไพ่” (Le Tricheur) และขอทานทะเลาะกันมาจากผู้ที่เรียกว่า
คาราวัจจิสติ“การเขียนแบบคาราวัจโจ” และฌัก แบล็องฌ์ (Jacques Bellange) จิตรกรชาวลอแรนด้วยกัน รูปเขียนกลุ่มนี้เชื่อกันว่าเขึยนเมื่อเดอ ลา
ตูร์เพิ่งเริ่มเขียนภาพ
“โกงไพ่”
The Cheat with the Ace of Clubs (about 1630 - 34)
นักทำนายโชคThe Fortune Teller 1630
ภาพวาดจับช่วงเวลาที่ชายหนุ่มกำลังฟังการทำนายโชค
โดยคุณป้ายิปซี เธอใช้เวลาในการหยิบเหรียญจากมือของเขา ไม่เพียงแต่ ในการชำระเงิน
แต่ เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมที่เธอจะต้องรับเหรียญนี้จากเขา และ เป็นการถ่วงเวลา ขณะที่กำลังหลอกล่อด้วยคำทำนาย
พวกเธอจะแสดงเป็นขโมย คนในภาพนี้ส่วนใหญ่หรือทั้งหมดของผู้หญิงจะเป็นพวกยิปซี ขณะที่ผู้ชายตั้งใจฟังคำทำนายอยู่
ผู้หญิงคนซ้ายสุดกำลังขโมยสตางค์จากกระเป๋าของเขา ในขณะที่เพื่อนของเธอกำลังยื่นมือออกมาพร้อมที่จะรับของ
ภาพนี้มีการซื้อขายกันในปี1949โดยพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ซึ่งเข้าเจรจาซื้อภาพวาด ตัวแทนจำหน่ายศิลปะ Georges Wildenstein ชิงตัดพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ไปด้วยจำนวน 7.5 ล้านฟร็องซ์ จนกระทั่งปี 1960 the Metropolitan Museum of Art นิวยอร์คได้ซื้อภาพนี้ไปโดยไม่เปิดเผยราคาแต่ "สูงมากสำหรับจำนวนเงินที่จ่ายไป" กับภาพหมอดูนี้
ขอทานทะเลาะกัน Brawl, (Hurdy-gurdy group), c. 1625-1630
ลักษณะงานตั้งแต่จุดนี้เริ่มเปลี่ยนไปมีอิทธิพลของ
เจอราร์ด ฟาน โฮนท์ฮอร์สต์ Gerard van Honthorst (Gerrit van Honthorst)
Gerrit van Honthorst - Childhood of Christ เจอราร์ด ฟาน โฮนท์ฮอร์สต์
งานของ เจอราร์ดราร์ด ฟาน โฮนท์ฮอร์สต์
จะใช้การกระจายแสงที่นุ่มกว่าส่วนของเดอ ลา ตูร์นั้นจะจัดวางแสงเป็นการออกแบบสมัยใหม่อย่างเห็นได้ชัด
เดอ
ลา
ตูร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการฟื้นฟูศาสนาในลอแรนที่นำโดยนักบวชลัทธิฟรานซิสกัน
เดอ ลา ตูร์จะเขียนภาพจากเรื่องราวศาสนาเป็นส่วนใหญ่ แต่วิธีการวาดภาพของเดอ ลา
ตูร์จะเป็นวิธีของศิลปะร่วมสมัย
Job Mocked by his Wife, c. 1625-50
The Penitent Magdalene, 1625-1650
หญิงชาวมักดาลา
มารีย์ Magdalene with the Smoking Flame, c. 1640
มารีย์ชาวมักดาลาเธอเป็นที่รักของพระคริสต์
มีผู้ศรัทธามากในช่วงศต.17 โดยเฉพาะพวกประเทศคาทอลิก เดอ ลา ตูร์ได้วาดเธอ เป็นชุดอยู่หลายภาพ ในภาพเธอนั่งมองเปลวเทียนแผงความ
เศร้าโศก ด้วยบรรยากาศที่สงบนิ่งในค่ำคืน ที่โต๊ะเครื่องแป้งมีหนังสือวางอยู่กับมีไม้กางเขนวางราบบนโต๊ะเป็นตัวแทนของพระคริสตร์
ตัวเธอฉาบไปด้วยเงาของความมืดมีแสงสว่างจากเทียนที่อาบทาใบหน้าและร่างกายบางส่วน
หัวกระโหลกให้ความรู้สึกเร้นลับความสนใจในปัญหาของเวทย์มนต์การทรงเจ้าเข้าผี
แสงสว่างจากเปลวเทียนแสดงถึงของการเปิดใจของคนบาปที่มืดมิดให้สว่างไสวขึ้น
กล่าวกันว่านางแบบมาจากพวกยิปซีซึ่งในเวลานั้นมีอยู่มากมายในลอร์เรียน
The Dream of St. Joseph, c. 1628-1645 ความฝันของนักบุญโจเซฟที่พระเจ้าจึงได้ส่งทูตสวรรค์มาหานักบุญโยเซฟให้ท่านเชื่อฟังที่จะรับพระนางมารีย์มาเป็นภรรยา เป็นการวาดที่สมัยใหม่ตัวของทูตสวรรค์ดูเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง มีลักษณะเป็นคนจริงๆเช่นเดียวกับวิธีการวาดของคาราวัจโจจะต่างที่มีต้นกำเนิดแสง(เทียน)อย่างชัดเจนซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของ เดอ ลา ตูร์
เดอ ลา
ตูร์มีชื่อเสียงในการเขียนแสงกลางคืนซี่งคาราวัจจิสตินำมาจากคาราวัจโจและเดอ ลา
ตูร์วิวัฒนาการขึ้นอีกมากและนำมาใช้ในการเขียนภาพชีวิตร่วมสมัยและศิลปะศาสนา เดอ
ลา ตูร์เริ่มเขียนวิธีนี้ราวต้นคริสต์ทศวรรษ 1640 โดยใช้ความตัดกันอย่างชัดเจนของแสงและเงา ที่เรียกว่า “ค่าต่างแสง” (chiaroscuro), องค์ประกอบที่เป็นเรขาคณิต,
และการวางรูปแบบที่ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน งานของเดอ ลา
ตูร์ ค่อยวิวัฒนาการมามีลักษณะนิ่งและง่ายขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งเป็นการนำคุณค่าของคาราวัจโจมาใช้
- The Newborn Christ
- การประสูติของพระเยซูราว ค.ศ. 1645-1648
Explore St Sebastian“นักบุญไอรีนพบร่างนักบุญเซบาสเตียน”ราว ค.ศ. 1650, เบอร์ลิน
กล่าวถึงจักรพรรดิไดโอคลีเชียนแห่งโรมมีความรู้สึกว่าเซบาสเตียนทรยศต่อพระองค์จึงทรงสั่งให้เอาตัวไปผูกไว้กับตอไม้และยิงด้วยธนูแล้วปล่อยให้ตาย แต่ด้วยความมหัศจรรย์เซบาสเตียนก็ไม่ตาย นักบุญไอรีนแห่งโรมผู้เป็นแม่หม้ายของนักบุญแคสตูลุสจะนำร่างของเซบาสเตียนไปฝังแต่กลับพบว่าเซบาสเตียนยังมีลมหายใจอยู่ นักบุญไอรีนจึงนำเซบาสเตียนกลับมาที่บ้านและรักษาจนหาย
Education of the Virgin, c.1640 การศึกษาของพระแม่มารี
เดอ ลา
ตูร์มักจะเขียนภาพต่อเนื่องของหัวข้อเดียวกัน และมีงานเขียนไม่มาก
เอเตียนลูกชายผู้เป็นลูกศิษย์และยากที่จะบอกความแตกต่างของงานเขียนของจิตรกรสองคนนี้
เช่น ภาพ “การศึกษาของพระแม่มารี” ที่พิพิธภัณฑ์ฟริค นครนิวยอร์กสหรัฐอเมริกา
Saint Joseph charpentier“นักบุญโจเซฟกับพระเยซูเมื่อยังทรงพระเยาว์”
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส
The Nativity 1644 การประสูติของพระเยซูได้นำมาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟล์ในปี1926 ลักษณะคล้ายรูปแบบการนมัสการของคนเลี้ยงแกะที่แพร่หลายในภาพวาดของอิตาลี
รายละเอียดของภาพThe Nativityหนึ่งในภาพที่มีชื่อเสียงของเขา
งานในช่วงต้นของเขามีลักษณะคล้ายของเวอร์เมียทำให้เกิดการสับสนบ้างในหมู่นักวิชาการศิลป ศ.ต.ที่19
เดอ ลา
ตูร์และภรรยาเสียชีวิตจากโรคระบาดเมื่อปี ค.ศ. 1652 เอเตียน Étienne ลูกชายเป็นลูกศิษย์สืบทอดการวาดภาพตามแบบของเขา
หลังจากเดอ ลา ตูร์เสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ. 1652
งานของเดอ ลา ตูร์ก็ลืมกันไปแต่มาพบอีกครั้งโดย
นักวิชาการชาวเยอรมันเมื่อปี ค.ศ. 1915
และเมื่อมีการแสดงภาพของเดอ
ลา ตูร์ที่ปารีสก็ยิ่งทำให้มีผู้สนใจมากขึ้น ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ก็มีการพบภาพเขียนอื่น ๆ ของเดอ ลา ตูร์
นอกจากนั้นก็มีการลอกเลียนโดยมืออาชีพอีกมากตามความต้องการของสาธารณะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น