ศิลปะยุคบาโรค Baroque ตอนที่ 12 ฟรันส์ ฮัลส์ เจ้าของฝีแปรงเริงระบำ


ภาพเขียนตัวเอง ฟรันส์ ฮัลส์ Frans Hals( the Elder). 1637 ที่ลอกมาจากต้นฉบับที่สูญหายไปในปี1935  ถือว่าเป็นงานกอปปี้ที่ดีที่สุดจากทั้งหมด15ภาพ


ฮัลส์มีชื่อเสียงในการเขียนภาพเหมือนและการใช้ฝีแปรงที่อิสระและเป็นผู้นำวิธีการเขียนที่มีชีวิตชีวามาสู่ศิลปะดัตช์ และเป็นผู้มีบทบาทในการวิวัฒนาการการเขียนภาพเหมือนของกลุ่มคนในคริสต์ศตวรรษที่ 17
ฟรันส์ ฮัลส์ เกิดเมื่อราว ค.ศ. 1580 ที่เมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศเนเธอร์แลนด์ (ปัจจุบันอยู่ในประเทศเบลเยียม) ครอบครัวของฮัลส์ก็เช่นเดียวกับครอบครัวอื่นที่หลบหนีออกจากแอนต์เวิร์ที่ถูกยึดโดย สเปน (Fall of Antwerp, 1584-1585) ไปฮาร์เลมที่ฮัลส์อาศัยอยู่จนตลอดชีวิต ฮัลส์ได้รับการศึกษาทางศิลปะจากจิตรกรชาวเฟลมิชที่หลบหนีมาอีกคนหนึ่ง กาเริล ฟัน มันเดอร์ (Karel van Mander)



กาเริล ฟัน มันเดอร์ (Karel van Mander ศิลปินยุคแมนเนอร์รีส)ชาวอัมสเตอร์ดัม อาจารย์ของฟรันส์ ฮัลส์

เมื่ออายุได้ 27 ปีฮัลส์ก็ได้เป็นสมาชิกของสมาคมช่างนักบุญลูกา และเริ่มทำงานเป็นช่างซ่อมศิลปะสำหรับเทศบาลเมือง ฮัลส์ซ่อมภาพในงานสะสมขนาดใหญ่  งานซ่อมภาพเขียนเป็นงานที่เมืองฮาร์เลมเป็นผู้จ่ายค่าจ้าง เพราะงานเขียนทางศาสนาทั้งหมดถูกยึดหลังจากเกิดการทำลายรูปเคารพ แต่งานเขียนทั้งหมดมิได้เป็นของเมืองฮาร์เลมอย่างเป็นทางการจนกระทั่งปี ค.ศ. 1625 หลังจากที่ผู้อาวุโสของเมืองตัดสินความเหมาะสมของภาพที่จะเป็นเจ้าของ งานที่เหลือถูกตัดสินว่าเป็นโรมันคาทอลิกเกินไปและถูกขายให้แก่กอร์เนลิส กลาสส์ ฟัน วีริงเงิน (Cornelis Claesz van Wieringen) สมาชิกสมาคมช่างเขียนด้วยกัน โดยมีข้อแม้ว่าต้องนำออกจากเมือง

The Capture of Damietta, 1628 -Cornelis Claesz van Wieringen

ภาพเรือ ป้องกันป้อม Damiettaเมืองฮาเลมตัดโซ่จากเรือรบอียิปต์สามารถเอาชนะอิสลามในสงครามครูเสดได้ ในปี1218 เป็นภาพที่มีชื่อเสียงของฟัน วีริงเงิน
ฟัน วีริงเงิน เป็นนักเขียนภาพเกี่ยวกับทะเลและสงครามทางเรือในยุคนั้




รูปปั้นที่ถูกทำลายระหว่างการปฏิรูปศาสนาเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 16 ที่มหาวิหารนักบุญมาร์ติน( โรมันคาทออลิค)เมืองยูเทรกต์

การจลาจลที่เกิดจากการทำลายรูปเคารพเกิดขึ้นที่เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในประเทศเนเธอแลนด์และเบลเยียม และบางส่วนทางตอนเหนือของฝรั่งเศสได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการโจมตีของผู้นับถือนิกายโปรเตสแตนต์ และ สกอตแลนด์ สงครามกลางเมืองอังกฤษ มีการทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในโบสถ์ไม่ว่าจะเป็นกระจกหน้าต่าง ผนัง รูปอนุสรณ์ หรือเก้าอี้อิง ทิ้งเหล็กและทองเหลืองออกจากหน้าต่าง ทำลายรูปปั้น, ออร์แกน ห้องแต่งตัวของนักบวช เลื่อยไม้กางเขนจากแท่นเทศน์ เผาหนังสือสวดมนต์ และอื่น ๆ

ภาพแสดงให้เห็นการทำลายรูปเคารพโดยกลุ่มคาลวิน(โปตัสแตน)เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 1566

ไม่ใช่ชาวโปรเตสแตนต์ทุกคนจะเห็นด้วยกับลัทธิทำลายรูปเคารพของศาสนาหรือการใช้รูปเคารพในการสักการบูชา มาร์ติน ลูเทอร์ผู้เป็นผู้นำในการแยกตัวจากนิกายโรมันคาทอลิกเองกล่าวว่าผู้นับถือศาสนาคริสต์ควรจะมีเสรีภาพในการบูชารูปทางศาสนาใด ๆ ก็ได้ตราบที่ไม่เป็นการบูชารูปแทนพระเป็นเจ้า ท่านยังสนับสนุนการสร้างศิลปะและดนตรีเพื่อศาสนาด้วย
เมื่อไม่มีงานเขียนมากนักที่จะต้องซ่อม ฮัลส์จึงต้องเริ่มอาชีพใหม่เป็นช่างเขียนภาพเหมือนให้กับชาวเมืองฮาเลม

Portrait of a Man Holding a Skullc.1611  ชายถือหัวกระโหลกงานยุคแรกๆที่รับวาดภาพคน

The Banquet of the Officers of the St George Militia Company in 1616 "งานเลี้ยงนายทหาร" ขนาด175 × 324 cm,

ภาพทหารยามเมืองฮาเลม สำหรับติดตั้งที่เซนต์จอร์จ (หรือเซนต์ Joris)  เป็นภาพวาดชิ้นใหญ่งานแรกของเขา เจ้าหน้าที่เหล่านี้ด้รับเลือกจากสภา Haarlem และอยู่ในวาระสามปีในการดำรงตำแหน่ง เมื่อจบวาระก็จะมีการเฉลิมฉลองกัน โดยมีคนที่สองทางขวาในชุดสีส้มเป็นผู้กำกับ


รายละเอียดของภาพ Captain Nicolaes Woutersz van der Meer เด่นอยู่กลางภาพ


Catharina Hooft With Her Nurse 1619-20


Married Couple in a Garden, 1622 คู่หนุ่มสาวแต่งงานในสวน ภาพที่รับจ้างวาดเป็นที่ถูกใจของชาวเมือง


Singing Boy with Flute 1623 เด็กชายร้องเพลงถือขลุ่ย ภาพที่เขาวาดเองเล่นๆ


Portrait of Jacob Pietersz Olycan  1625 ภาพเจ้าบ่าว ยาคอบ ปีเตอร์ โอลีคัน


Portrait of Aletta Hanemans bride of Jacob Olycan, 1625 เจ้าสาวของยาคอบ โอลีคัน

The Banquet of the Officers of the St George Militia Company in 1627 เป็นภาพกองกำลังป้องกันสงครามกลางเมืองแห่งฮาเลม

Hille Bobbe or the Witch of Haarlem, c. 1633-35 แม่มดแห่งฮาเลม

 เป็นภาพผู้หญิงสูงวัยกำลังยิ้มนั่งอยู่มุมโต๊ะ ด้วยลักษณะที่ใบหน้าเหมือนกำลังคุยหรือหัวเราะอย่างบ้าคลั่งกับใครบางคนทางขวาของภาพ มือขวาถือเหยือกเบียร์ที่กำลังเปิดฝาอยู่ ดูเหมือนคนติดเหล้าหรือฝั่นเฟือนด้วยแอลกอฮอล์ แต่งกายด้วยชุดธรรมดาทั่วๆไปยุค 1630 มีนกฮูกเกาะอยู่ที่ไหล่ซ้ายที่สะท้อนถึงภาษิตชาวดัตท์ว่าเมาอย่างกับนกฮูก "drunk as an owl." การวาดที่ฉับไวด้วยฝีแปลงอิสระเป็นลักษณะเฉพาะของเขาซึ่งต่างจากงานที่ทำโดยผู้ว่าจ้างให้วาด

Regents of the St Elizabeth Hospital of Haarlem, 1641 สมาชิกสภาโรงพยาบาล เซนท์ อลิซาเบธ เมืองฮาเลม


The Laughing Cavalier 1642 ควาเลียร์ผู้หัวเราะ -ภาพที่สร้างชื่อให้ฟรันส์ ฮัลส์

ควาเลียร์ผู้หัวเราะ กล่าวว่าเป็น "หนึ่งในศิลปะชั้นยอดที่สุดของจิตรกรรมภาพเหมือนสมัยบารอก ชื่อของภาพถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยสาธารณชนและสื่อในสมัยวิกตอเรีย ภาพถูกจัดแสดงในวันเปิดงานนิทรรศการ ณ พิพิธภัณฑ์เบธนัลกรีน ค.ศ. 1872 - 1875 ซึ่งเป็นเวลาไม่กี่วันหลังจากถูกส่งมายังอังกฤษ ทำให้ภาพวาดของฟรันส์ ฮัลส์ มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา, ต่อมาภาพถูกผลิตขึ้นใหม่จากการตีพิมพ์ และเป็นหนึ่งในภาพของจิตรกรชั้นครูที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดชิ้นหนึ่ง อย่างน้อยก็ในสหราชอาณาจักร แท้ที่จริงแล้วบุคคลในภาพไม่ได้กำลังหัวเราะแต่เป็นการยิ้มอันน่าพิศวงมากกว่า ซึ่งรอยยิ้มถูกขยายเกินจริงจากหนวดเคราอันงอนหงายของเขาเอง


มีคำจารึกภาษาละตินตรงหัวมุมขวาบนว่า Æ'TA SVÆ 26/A°1624 ย่อมาจาก แอตาติสซูเอ 26 อันโน 1624 หมายความว่าภาพถูกวาดเมื่อ ค.ศ. 1642 ซึ่งบุคคลในภาพมีอายุ 26 ปี โดยที่ไม่มีใครทราบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใคร แต่น่าจะเป็นนายหารหรือเจ้าหน้าที่ของบริษัทกองทหารอาสาสมัครซึ่งมักจะถูกนำไปเขียนอยู่บ่อยครั้ง



การวางท่าทางอย่างไม่เป็นพิธีการทำให้งานของเขาดูน่าประทับใจจากการเคลื่อนไหวและความเป็นธรรมชาติ  ดวงตาของบุคคลในภาพดูเหมือนจ้องไปยังผู้ชมจากทุกมุมมองเป็นผลมาจากการวาดในแบบที่ผู้เป็นต้นแบบมองหน้าตรงมายังมุมมองของจิตรกร  ทำให้เกิดคำอุปมาว่า ดวงตาจับจ้องตามคุณไปทั่วห้อง ในสหราชอาณาจักร
ภาพบริเวณลายปักบนแขนเสื้อและลายลูกไม้รอบข้อมือ แสดงตราสัญลักษณ์หลากหลายแบบ ซึ่งบ่งชี้ถึง "ความสุขและความเจ็บปวดจากความรัก" จาก "ผึ้ง, ลูกธนู, กรวยแห่งความอุดมสมบูรณ์ที่ลุกเป็นไฟ, ปมมัดของคู่รักและลิ้นแห่งไฟ" ในขณะที่เสาโอเบลิสก์หรือพีระมิดบ่งชี้ถึงความแข็งแรง และหมวกของเมอร์คิวรี และโชคลาภของคทางูไขว้
ภาพนี้มีการซื้อขายกันหลายทอด จากนั้นจึงถูกซื้อต่อไปยังลอนดอน  เพื่อนำไปจัดแสดงในงานนิทรรศการจัดแสดงผลงานของจิตรกรชั้นครูในเบธนัล  ภาพ "แควาเลียร์" ได้รับความสนใจอย่างมาก ทำให้ชื่อเสียงของฟรันส์ ฮัลส์ โด่งดังขึ้นในอังกฤษ ต่อมาในปี ค.ศ. 1888 ภาพถูกจัดแสดงอีกครั้ง ณ รอยัลอะคาเดมีออฟอาตส์ และที่แห่งนี้เองที่ทำให้ภาพได้รับการขนานนามว่า "แควาเลียร์ผู้หัวเราะ"


Young Man and Woman in an Inn (Yonker Ramp and His Sweetheart)1623

Luitspelende คนเล่นลูท ขนาดภาพ 70 cm × 62 cm (28 in × 24 in) 1623 -1624 พิพิธภัณฑ์ลูฟร์

เป็นรูปนักแสดงผมยาว กำลังยิ้มสวมใส่เครื่องแต่งกายตลกสีแดงดำ สวมหมวกแดงตัดกับสีเหลือง ขณะเล่นลูท ตาเขามองขึ้นไปทางซ้าย มือขวาของเขา สัมผัสกับสายของ mandoline มือซ้ายกำลังจับคอร์ดด้วยท่าทางที่สบายๆ  มีโครงสีที่ชัดเจนของเครื่องแต่งกาย และการสะท้อนในสายตาอย่างขี้เล่น ภาพนี้แสดงการเล่นลูทกับผู้อื่นที่ไม่มีอยู่ในภาพ การเล่นลูทแบบนี้มีต้นกำเนิดในอิตาลี
ภาพวาดนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของ Hals'  "หยาบสไตล์" ของการวาดภาพในจังหวะแปรงที่สะบัดปล่อยๆอย่างอิสระ


Portrait of Willem van Heythuyzen 1625

boy with a Lute 1625–1630

Boy with a glass and a lute c.1626.สีน้ำมันบนแผ่นไม้

Gypsy Girl. 1628-30 หญิงชาวยิปซีพิพิธภัณฑ์ลูฟล์

ที่ หญิงชาวยิปซีแสดงความโดดเด่นด้วยเทคนิคเฉพาะตัวของเขาในยุคการวาดแนวใหม่     ซึ่งเขาเป็นศิลปินคนแรกที่วาดภาพโดยการป้ายสีโดยตรงบนผ้าใบโดยไม่เกลี่ยสีทำให้ภาพดูสด มีชีวิตชีวา แทนการวาดแบบ underpainting –การวาดทับเป็นชั้นๆ อย่างที่ศิลปินยุคก่อนทำกัน ภาพสาวยิปภาพนี้เป็นผลงานที่ถูกยกย่องว่าดีที่สุดภาพหนึ่ง ที่อยู่ในท่าทีเผลอด้วยสีหน้าอมยิ้มเล็กน้อย กำลังชายตามองมาทางขวา ด้วยแววซุกซนและขี้เล่น การวาดที่ฉับไวรวดเร็วที่จับอารมณ์ในชั่วขณะเป็นเทคนิคที่ประทับใจให้กับกลุ่มอิมเพรสชั่นนิสม์ของฝรั่งเศสและอเมริกัน ใน200 ปีต่อมา โดยเฉพาะแวนโกะที่ชื่นชมฮัลส์มาก


Fisher boy with basket 1630

                                           Wolphaerts van Diemeni -1630–1633


Mevrouw Bodolphe 1643




Portrait of Stephan Geraedts, husband of Isabella Coymans, 1652

Isabella Coymans, wife of Stephan Geraedts, 1652

ภาพชุดบ่าวสาววันแต่งงานที่ ฮาลส์วาดไว้หลายคู่ ด้านฉากหลังจะมีสัญลักษณ์ประจำตระกูลบ่งบอกไว้ด้วย

portrait of a man with a tassle collar 1660–1666


Group portrait of the Regentesses of the Old Men's Almshouse1664  ภาพวาดท้ายๆของเขาวาดเมื่ออายุ84 ปี เทคนิคการวาดปล่อยๆด้วยฝีแปลงหยาบๆแต่เอาอยู่  พิพิธภัณฑ์Frans Hals Museum เมืองHaarlem



ฮาลส์เสียชีวิตใน Haarlem 1666 และถูกฝังในโบสถ์ของเมืองเซนต์ Bavo เขาได้รับเงินบำนาญเมือง ซึ่งสูงผิดปกติ แสดงถึงสัญลักษณ์ความยิ่งใหญ่ของเขา หลังจากฮาลส์ตาย ภรรยาม่ายได้รับการช่วยเหลือจากอำเภอท้องถิ่นตลอด ชีวิต ฮาลส์มีบุตรชาย5คนเป็นจิตรกรดำเนินตามพ่อของเขา


อนุสาวรีย์ ฟรันส์ ฮัลส์ in Florapark,เมือง Haarlem


รูปฟรันส์ ฮัลส์ ถูกผลิตขึ้นบนแบงค์เนเธอแลนด์ราคา 10guilders ปี1968

Self-Portrait with Pipe - Vincent van Gogh  1886
 ภาพวาดตนเองของแวนกอกผู้ความประทับใจในฝีแปลงของฟรันฮอล์




FRANS-HALS-MUSEUM พิพิธภัณฑ์ฟรันส์ ฮัลส์  ที่Amsterdam เนเธอร์แลนด์ รวบรวมงานของเขาและศิลปินอื่นๆในอดีตและปัจจุบันทั่วโลก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศิลปะยุคกรีก

ศิลปะยุค โรโกโก ตอนที่1 ศิลปแห่งความอ่อนหวานและรุงรัง

ศิลปะยุคบาโรค Baroque ตอนที่ 9 Gian lorenzo Bernini ผู้เสกหินอ่อนให้หายใจได้