ศิลปะยุคบาโรค Baroque ตอนที่ 13 ยาโกบ ยอร์ดานส์ ผู้สร้างรอยยิ้มในฝีแปลง

ยาโกบ ยอร์ดานส์ (Jacob Jordaens; ค.ศ. 1593 - ค.ศ. 1678) ผู้สร้างรอยยิ้มในฝีแปลง

เป็นจิตรกรชาวดัตช์ในสมัยบาโรกแบบเฟลมิช คริสต์ศตวรรษที่ 17 ผู้มีความเชี่ยวชาญทางการเขียนภาพประวัติศาสตร์ คริสต์ศาสนา ภาพเหมือน และการออกแบบพรมทอแขวนผนัง
ด้วยการวาดที่ลอกเลียนมาจากรูเบนส์ศิลปินรุ่นพี่ จึงถือเป็นตัวตายตัวแทนได้ทีเดียว




Self-Portrait as a Bagpipe Player-1644ภาพวาดตนเองกำลังเป่าปี่สก๊อตตอนอายุ47 ปี

ยาโกบ ยอร์ดานส์ เป็นลูกคนแรกในบรรดาพี่น้องสิบเอ็ดคนของพ่อค้าขายผ้าลินินผู้มีฐานะดี ในแอนต์เวิร์ป  การศึกษาเบื้องต้นได้รับการศึกษาที่ดีกว่าเด็กอื่น ๆ เพราะครอบครัวมีฐานะดี ที่เห็นได้จากลายมือที่กระจ่างชัดและความสามารถในการใช้ภาษาฝรั่งเศสและความรู้เกี่ยวกับตำนานเทพ ความรู้ในเรื่องคัมภีร์ไบเบิลของยอร์ดานส์จะเห็นได้จากงานเขียนศิลปะคริสเตียนหลายชิ้น แต่ต่อมาเหตุการณ์ในชีวิตส่วนตัวทำให้เปลี่ยนจากการเป็นโรมันคาทอลิกไปเป็นโปรเตสแตนต์




Self-Portrait with Parents, Brothers, and Sisters (c. 1615).ภาพครอบครัววาดเมื่ออายุ17 ปี




รูปตนเองของยอร์ดานส์อยู่ซ้ายมือของภาพ

เช่นเดียวกับรือเบินส์ ยอร์ดานส์ศึกษากับอาดัม ฟัน โนร์ต (Adam van Noort) ที่เป็นครูคนเดียวที่ได้ร่ำเรียนด้วย หลังจากศึกษาและฝึกงานกับฟัน โนร์ตได้แปดปี ยอร์ดานส์ก็สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมช่างนักบุญลูกาในฐานะ "จิตรกรสีน้ำ" (waterscilder) ที่ยอร์ดานส์นำมาใช้ในการออกแบบร่างพรมทอแขวนผนัง แต่งานสมัยแรก ๆ ของยอร์ดานส์สูญหายไปหมด




ภาพพิมพ์อาดัม ฟัน โนร์ต โดยแวนไดค์ อาจารย์ของยอร์ดานส์และรูเบนส์

ยอร์ดานส์แต่งงานกับอันนา กาตารีนา ฟัน โนร์ต ลูกสาวคนโตของอาดัม ฟัน โนร์ต และมีลูกด้วยกันสาม ยอร์ดานส์พำนักอยู่ที่แอนต์เวิร์ปจนตลอดชีวิต




“Self portrait with his Family and Father-in-Law Adam van Noort” c. 1616 ภาพตนเองกับครอบครัวพ่อตาอาดัม ฟัน โนร์ต

ยอร์ดานส์ไม่ได้มีโอกาสเดินทางไปอิตาลีเพื่อไปศึกษาการเขียนภาพแบบคลาสสิกและเรอแนซ็องส์เช่นเดียวกับจิตรกรคนอื่น ๆ ในสมัยเดียวกัน แต่ยอร์ดานส์ก็พยายามศึกษาจากภาพพิมพ์และงานเขียนของจิตรกรมีชื่อที่มีอยู่ทางตอนเหนือของยุโรป เช่น ทิเชียน, ปาโอโล เวโรเนเซ, การาวัจโจเป็นต้น ภาพของยอร์ดานส์มิได้เขียนตามแบบที่เขียนกันในเนเธอร์แลนด์โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวกับภาพชีวิตประจำวัน




Young Married Couple .c1621ภาพคู่บ่าวสาววัยรุ่น




Portret van Rogier Le Witer 1635




Portret van Magdalena de Cuyper 1636




portrait of catharina behaghe 1635




Portrait of an Old Man  c. 1637

งานจ้างของยอร์ดานส์มักจะเป็นภาพผู้คนที่มาจากครอบครัวเฟลมิชผู้มีอันจะกินหรือนักบวช และต่อมามาจากราชสำนักหรือรัฐบาลต่าง ๆ ในยุโรป

ยอร์ดานส์มีลูกศิษย์หลายคนผู้มีชื่อเสียงถึง 50 กว่าคน ในบรรดาลูกศิษย์ก็รวมทั้งลูกพี่ลูกน้องและยาโคปลูกชาย ยอร์ดานส์ ก็เช่นเดียวกับรือเบินส์และจิตรกรคนอื่น ๆ ในสมัยนั้นที่พึ่งนักเรียนและผู้ช่วยในการสร้างภาพเขียน แต่ลูกศิษย์หลายคนก็มิได้กลายเป็นจิตรกรมีชื่อ




The Flight of Lot and His Family from Sodom 1618 การพาครอบครัวหนีออกจากเมืองโซดอม ภาพที่เขาลอกจาก เปเตอร์ เปาล์ รือเบินส์

เปเตอร์ เปาล์ รือเบินส์มีอิทธิพลต่องานเขียนของยอร์ดานส์เป็นอันมาก ในบางโอกาสรือเบินส์ก็จะจ้างยอร์ดานส์ให้เขียนภาพร่างสำหรับภาพเขียนใหญ่ให้ หลังจากรือเบินส์เสียชีวิต ยอร์ดานส์ก็กลายเป็นจิตรกรผู้มีชื่อเสียงที่สุดของแอนต์เวิร์ป และเช่นเดียวกับรือเบินส์ งานของยอร์ดานส์ใช้สีที่อุ่นและเป็นธรรมชาติ




portrait of a young lady 1638.ภาพที่ใช้ค่าต่างแสงได้ดีแต่มีความนุ่มนวลกว่าคาราวัจโจ

ยอร์ดานส์เป็นผู้มีความสามารถในการใช้ค่าต่างแสง (chiaroscuro) และการเขียนภาพสว่างในความมืด (tenebrism) นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการดึงบุคลิกพื้นฐานของบุคคลในภาพให้เห็น งานเขียนเกี่ยวกับชาวบ้านและงานเขียนชิ้นใหญ่ ๆ ที่แสดงคำสอนทางจริยธรรมมีอิทธิพลต่อจิตรกร




a jester with a cat ตัวตลกอุ้มแมว

ยอร์ดานส์ไม่มีความสามารถพิเศษแต่มักจะเขียนภาพที่มีพื้นฐานมาจากสุภาษิต ตลอดชีวิตการเป็นจิตรกร ยอร์ดานส์ได้รับแรงบันดาลใจจากรือเบินส์ แต่งานของยอร์ดานส์แตกต่างออกไปตรงที่จะดูเป็นจริงมากกว่า มีบุคคลในภาพแน่นกว่า และมักจะมีอารมณ์ขันหรือเป็นภาพแบบล้อเลียนมากกว่าแม้แต่ในภาพทางศาสนาหรือในตำนานเทพ




The Holy Family With Shepherds -1616 การชื่นชมของคนเลี้ยงแกะ

"การชื่นชมของคนเลี้ยงแกะ" เป็นภาพพระแม่มารีอเตรียมให้นมพระเยซูในขณะที่ชื่นชมโดยคนเลี้ยงแกะที่หน้าตาเหมือนชาวเฟลมิช ภาพนี้ประกอบด้วยบุคคลเพียงห้าคนแต่ละคน นอกจากพระบุตรแล้วก็ปรากฏเพียงครึ่งตัวซึ่งเป็นลักษณะการเขียนที่ทำให้ผู้ดูเพิ่มความรู้สึกถึงความใกล้ชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากยิ่งขึ้น




The Infant Jupiter Fed by the Goat Amalthea, 1652

นอกจากจะมีชื่อเสียงในการเขียนภาพเหมือนแล้ว ยอร์ดานส์ยังนิยมเขียนภาพจากตำนานเทพและอุปมานิทัศน์ และสร้างภาพพิมพ์กัดกรด (etching) และเขียนภาพประกอบสุภาษิตเฟลมิช และภาพเกี่ยวกับเทศกาลต่างๆ ภาพเขียนหลายภาพของยอร์ดานส์เป็นนัยยะว่าเป็นผู้ชอบเขียนภาพสัตว์ ในภาพมักจะมีสัตว์หลายชนิดร่วมอยู่ในภาพ




Mercury and Argus, 1620-เมอร์คิวรี่กับอากอส เรื่องเทพเมอร์คิวรี่หลอกให้อากอสฟังเสียงขลุ่ยที่เขาเป่าให้ฟังจนคลิ้มหลับแล้วขโมยวัวไป จากตำนานเทพกรีกโรมัน

หลังจากการเสียชีวิตของรือเบินส์ ในปี ค.ศ. 1640 แล้ว  ยอร์ดานส์จึงเริ่มได้รับสัญญาการเขียนภาพจากราชสำนักโดยเฉพาะจากทางเหนือ  และได้รับสัญญาต่อจากรือเบินส์เช่นจากพระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งสเปน ที่ให้เขียนภาพเฮอร์คิวลีสและแอนดรอมิดาที่รือเบินส์เริ่มไว้ให้เสร็จ




Perseus and Andromeda, c. 1639 เปอร์ซีอุสกับแอนโดรมินาที่ยอร์ดานส์วาดต่อจากรูเบนส์จนสมบูรณ์

ระหว่างปี ค.ศ. 1639 ถึง ค.ศ. 1640 ยอร์ดานส์ได้รับงานจ้างให้เขียนภาพชุดให้แก่พระเจ้าชาลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ โดยบัลตาซาร์ เคอร์เบียร์ ผู้เป็นตัวแทนของพระองค์ในบรัสเซลส์ และเซซาเร อาเลสซานโดร สกาลยา นักการทูตที่พำนักอยู่ในแอนต์เวิร์ปภาพชุดนี้มีด้วยกัน 22 ภาพที่แสดง "ตำนานของคิวปิดและไซคี" เป็นงานสำหรับตำหนักของพระราชินีที่กรีนิช แต่ยอร์ดานส์ไม่ทราบว่าผู้จ้างเป็นใคร เมื่อยอร์ดานส์เสนอแบบให้แก่คนกลางผู้เป็นตัวแทนของราชสำนักอังกฤษ, เคอร์เบียร์ก็พยายามถวายคำแนะนำว่ารือเบินส์จะเป็นผู้เหมาะกับโครงการมากว่า  แต่รือเบินส์มาเสียชีวิตเสียก่อ




ภาพพิมพ์ของแวน ไดค์ รูปบัลตาซาร์ เคอร์เบียร์ Gerbierตัวแทนของพระเจ้าชาลส์ที่ 1ในบรัสเซลส์ ที่มองข้ามฝีมือของยอร์ดานส์

เมื่อรือเบินส์เสียชีวิตแล้วยอร์ดานส์ก็ได้รับสัญญาการเขียนภาพทั้งหมด  แต่งานก็ก้าวหน้าไปอย่างเชื่องช้าและในปีต่อมา โครงการการเขียนภาพชุด "ตำนานของคิวปิดและไซคี" ก็ต้องมาหยุดชงักลงเมื่อสกาลยาเสียชีวิต ยอร์ดานส์ไม่ได้ทำโครงการเสร็จมีเพียงแปดภาพเท่านั้นที่ส่งไปถึงอังกฤษ  ปัจจุบันสูญหายไปแล้ว



เซซาเร อาเลสซานโดร สกาลยา(  Cesare Alessandro Scaglia)นักการทูตที่สนับสนุนยอร์ดานส์; วาดโดยแวน ไดค์


นอกจากนั้นยอร์ดานส์ก็ยังร่วมกับศิลปินอื่นในการตกแต่งตอร์เรเดลาปาราดาระหว่าง ค.ศ. 1636 and ค.ศ. 1681งานสองชิ้นที่เชื่อกันเป็นของยอร์ดานส์คือ "อะพอลโลกับแพน" (ค.ศ. 1637) ที่เขียนจากงานร่างของรือเบินส์ และ "เวอร์ทัมนัสกับโพโมนา" (ค.ศ. 1638)และยังมี งานอื่นๆที่อาจจะเป็นของยอร์ดานส์ก็ได้แก่ "Fall of the Titans




"Fall of the Titans",ที่อาจจะเป็นของยอร์ดานส์

ในขณะนั้นแอนต์เวิร์ปอยู่ภายใต้การปกครองของสเปน และนิกายโปรเตสแตนต์เป็นนิกายที่ไม่เป็นที่ยอมรับ แต่ยอร์ดานส์ผู้เปลี่ยนไปนับถือนิกายโปรเตสแตนต์ในบั้นปลายของชีวิตก็ยังรับงานตกแต่งวัดโรมันคาทอลิก ระหว่าง ค.ศ. 1651 ถึง ค.ศ. 1658 ยอร์ดานส์ถูกปรับราว 200 ปอนด์เฟลมิชเพราะถูกกล่าวหาว่าเขียนบทความที่เป็นอันตรายต่อศาสนาหรือนอกศาสนา




"แซเทอร์กับชาวนา" (The Satyr and the Peasant) ยอร์ดานส์เขียนภาพเดียวกันนี้หลายครั้งซึ่งเป็นภาพที่สื่อคำสอนทางจริยธรรมจาก "นิทานอีสป" เรื่องเริ่มด้วยขณะที่แซเทอร์คุยอยู่กับชายชาวนาคนหนึ่งตอนเช้าวันหนึ่งที่อากาศเย็น ขณะที่คุยกันไปชาวนาก็ยกมือขึ้นมาเป่า ด้วยความสงสัย แซเทอร์ก็ถามชาวนาถึงเหตุผล ชาวนาก็ตอบว่าเป่าเพราะทำให้มืออุ่น ต่อมาในวันเดียวกันแซเทอร์ก็มากินข้าวกับชาวนา ขณะที่กินข้าวด้วยกันชาวนาก็ตักอาหารร้อนขึ้นมาเป่า เมื่อแซเทอร์ถามชาวนาถึงเหตุผลชาวนาก็บอกว่าเป่าให้เย็นเพราะอาหารร้อนเกินกว่าที่จะกินเข้าไปได้ แซเทอร์จึงโต้ตอบชาวนาว่า "ฉันเป็นเพื่อนกับท่านไม่ได้แล้วแหละ กับผู้ที่ทั้งลมหายใจเดียวกันเป่าทั้งให้ร้อนและเป่าทั้งให้เย็น" คำสอนทางจริยธรรมในเรื่องนี้ก็คือความเป็นสองหน้าของมนุษย์หรือความไม่น่าไว้วางใจของมนุษย์




ในภาพ "ภาพเหมือนของตนเองกับภรรยาและลูกสาวเอลีซาเบต" ซึ่งเป็นภาพของยอร์ดานส์กับภรรยากาตารีนา ฟัน โนร์ต และลูกสาวคนโตเอลีซาเบต เป็นภาพที่สันนิษฐานกันว่าเขียนระหว่างราว ค.ศ. 1621 ถึงราว ค.ศ. 1622 เพราะเอลีซาเบตดูเหมือนจะอายุราว 4 ขวบ ทุกคนในภาพส่งสายตามายังผู้ชมภาพราวกับเชิญชวนให้เข้ามานั่งเป็นแบบด้วยกัน ยอร์ดานส์แสดง "ความรัก" ในภาพเหมือนของครอบครัวโดยการใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ นอกไปจากสีหน้าของผู้นั่งในแบบและบรรยากาศ เช่นการใช้เถาวัลย์ที่เกี่ยวพันกันซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถจะแยกกันได้ระหว่างสามีกับภรรยาเป็นต้น  เอลีซาเบตถือผลไม้อยู่ในมือซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรักและดอกไม้ในตะกร้าเป็นสัญลักษณ์ของความไร้เดียงสาและความบริสุทธิ์  ทางด้านบนซ้ายมีนกแก้วเกาะอยู่ที่เป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ต่อกันระหว่างสามีกับภรรยา และหมาเป็นสัญลักษณ์ของความภักดีและความไว้วางใจ




กล่าวถึงพระเยซูทรงสั่งให้ปีเตอร์ออกไปจับปลาเพื่อจะเอาเงินที่พบในปลาไปจ่ายค่าบำรุงวัดที่คาเพอร์เนียม (Capernaum) ภาพนี้เป็นภาพที่แน่นไปด้วยตัวแบบโดยมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นกลางลำเรือ ปีเตอร์และสาวกอยู่ทางขวาของภาพ สาวกต่างก็จ้องไปทางปีเตอร์ผู้กำลังพยายามลากปลาขึ้นมาจากน้ำ ในภาพนี้คนต่าง ๆ ในรูปต่างก็ยุ่งอยู่กับกิจการต่าง ๆ ต่อหน้าตนเอง ไม่มีใครสนใจผู้ดูนอกจากผู้ที่ถ่อเรือที่หันหน้ามาทางผู้ชมภาพ สีหน้าต่าง ๆ ของแต่ละคนเป็นผลมาจากการศึกษาการเขียนการแสดงออกของใบหน้าจากงานอื่น ๆ




ภาพฉากแท่นบูชาวัดเซนต์ออกัสติน

วัดเซนต์ออกัสตินในแอนต์เวิร์ปมีฉากแท่นบูชาสามฉาก แต่ละฉากเป็นภาพเขียนขนาดใหญ่โดยรือเบินส์, ฟัน ไดก์ และยอร์ดานส์ ทั้งสามภาพเขียนในปี ค.ศ. 1628 พระแม่มารีและพระบุตรกับนักบุญ" ของรือเบินส์เป็นฉากแท่นบูชาเอกตรงกลาง แท่นบูชาทางซ้ายเป็นภาพ "ความปิติสานต์ของนักบุญออกัสติน" โดยฟัน ไดก์ และทางขวาเป็นภาพ "การพลีชีพของนักบุญอะพอลโลเนีย" โดยยอร์ดานส์




The martyrdom of Saint Apollonia"การพลีชีพของนักบุญอะพอลโลเนีย"

ยอร์ดานส์เขียนนักบุญอะพอลโลเนียกระโดดเข้าไปในกองไฟแทนที่จะประกาศเลิกนับถือคริสต์ศาสนาในคริสต์ศตวรรษที่ 3 เป็นภาพที่แน่นและเป็นนาฏกรรม จิตรกรทั้งสาม (รือเบินส์, ฟัน ไดก์ และยอร์ดานส์) เป็นจิตรกรบาโรกคนสำคัญที่สุดในแอนต์เวิร์ปในขณะนั้น การเขียนภาพทั้งสามนี้เป็นโอกาสเดียวที่จิตรกรทั้งสามทำงานร่วมกันในเวลาเดียวกันในวัดเซนต์ออกัสติน




ภาพ "ทารกจูปิเตอร์เลี้ยงโดยแพะแอมัลเทีย" (The Infant Jupiter Fed by the Goat Amalthea) (ค.ศ. 1630-1635)
 เป็นภาพที่ใช้ฉากภูมิทัศน์ ส่วนสำคัญของภาพคือร่างที่เปลือยเปล่าของนิมฟ์แอนดรัสเทีย ที่ตัดกับสีหนักอื่น ๆ แอนดรัสเทียมีผ้าพาดบริเวณสะโพกนั่งบนผ้าปูสีแดงบนพื้น มือหนึ่งบีบนมจากเต้านมของแพะแอมัลเทียใส่จานที่รอรับข้างล่าง ทารกจูปิเตอร์นั่งอยู่ข้างหลังถือขวดที่ว่างเปล่าและทำท่าร้องขออาหาร แซเทอร์โบกกิ่งไม้แสดงท่าชวนเล่นทารกจูปิเตอร์อยู่ทางขวาของ คำสอนทางจริยธรรมของภาพนี้กล่าวถึงนมแพะที่เลี้ยงจูปิเตอร์ทำให้จูปิเตอร์กลายเป็นเทพที่มีชื่อเสียงในเรื่องความมีสัมพันธ์กับเทพและสตรีต่าง ๆ




The Feast of the Bean King (1640 - 1645) Kunsthistorisches Museum, Vienna  งานเลี้ยงของพระราชาถั่ว

ถ้าใครพบเม็ดถั่วในเค้กอบถือว่าเป็นเกียรติ์ที่กษัตริย์พระราชทานให้ เป็นเรื่องของชายคนหนึ่งได้เป็นกษัตริย์ตอนแก่ จึงฉลองกันในครอบครัวและพวกข้ารับใช้อย่างมีความสุขท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายรอบตัว บางคนถึงกับเมาอ้วก  เป็นภาพแนวเสียดสีของกษัตริย์ที่มีพฤติกรรมน่าขบขัน ยอร์ดานส์เขียนหัวเรื่องเดียวกันอีกหลายครั้ง ในภาพนี้มีคนในภาพถึงสิบเจ็ดคนนั่งเบียดกันในภาพ




"ผู้ใหญ่ร้องเพลง, เด็กร้องตาม" (As the Old Sang, So the young Pipe) ค.ศ. - ค.ศ. 1640 เป็นภาพคู่กับ "กษัตริย์เสวยน้ำจัณฑ์" (พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์, ปารีส)

 "ผู้ใหญ่ร้องเพลง, เด็กร้องตาม" แสดงบุคคลสามชั่วคนที่เป็นชาวแอนต์เวิร์ปผู้มีอันจะกินนั่งรอบโต๊ะกินข้าวร้องเพลงด้วยกัน ภาพลักษณะนี้เป็นที่นิยมกันในบรรดาลูกค้าของยอร์ดานส์ ที่ยอร์ดานส์เขียนหลายครั้ง ในภาพนี้ยอร์ดานส์เขียนภาพของฟัน โนร์ต (พ่อตา) เป็นชายสูงอายุ ในภาพลักษณะนี้ผู้สูงอายุมักจะเป็นผู้นำในการร้องเพลงโดยมีผู้มีอายุน้อยกว่าและเด็กร้องตาม ชื่อภาพมาจากสุภาษิตคำสอนทางจริยธรรมสำหรับให้พ่อแม่ใช้สั่งสอนลูกในภาพนี้ยอร์ดานส์ทั้งสื่อคำสอนทางจริยธรรมและแสดงให้เห็นว่าชนรุ่นเด็กจะเติบโตขึ้นมาแทนที่ชนรุ่นผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ นกฮูกในภาพที่เกาะบนเก้าอี้ของสตรีสูงอายุเป็นสัญลักษณ์ที่เตือนถึงความตายที่จะมาถึง




prometheus bound -พันธนาการโพรมีเทียส (ค.ศ. 1640)

เป็นภาพเขียนจากตำนานเทพของไททัน โพรมีเทียสที่ถูกเหยี่ยวจิกตับทุกวัน แต่วันรุ่งขึ้นตับโพรมีเทียสก็งอกขึ้นมาใหม่  โพรมีเทียสถูกลงโทษโดยซูสเพราะความบ้าบิ่นที่ไปขโมยไฟให้มนุษย์ ที่มิใช่เป็นแต่เพียงไฟในทางวัตถุแต่เป็น "ไฟแห่งเหตุผล" ซึ่งอาจจะหมายถึงไฟของความสามารถของมนุษย์ในการสร้างศิลปะและการคิดค้นทางวิทยาศาสตร์การวางภาพ "โพรมีเทียส" ของยอร์ดานส์ก็คล้ายกับของรือเบินส์ ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งของเหยี่ยว, โพรมีเทียสตาแดงหงายหลังอย่างวีรบุรุษ และการใช้การลงโทษหรือความเจ็บที่เห็นจากร่างกายที่บิดเบี้ยวซึ่งเป็นหัวใจของลักษณะการเขียนของฉบับของรือเบินส์




โพรมีเทียสของรือเบินส์

ภาพของยอร์ดานส์มีการปรากฎตัวของเฮอร์มีสจะช่วยปล่อยโพรมีเทียสการวาดถุงกระดูกและรูปปั้นดินเผาที่เป็นสัญลักษณ์ของการสร้างมนุษย์ก็มิได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพที่เขียนโดยรือเบินส์




The_Love_of_Cupid_and_Psycheภาพชุด "ตำนานของคิวปิดและไซคี" แขวนในบ้านของยอร์ดานส์ในแอนต์เวิร์ป




psyche hosted on Olympus 1652 "ไซคีเข้าเฝ้าพระเจ้า"เป็นภาพชุดที่เก็บไว้ในบ้านเช่นเดียวกัน" ภาพบนเพดานเป็นภาพ ที่มองจากเบื้องล่างไปยังที่สูง  เป็นการใช้ทัศนมิติมาจากงานเขียนของรือเบินส์บนเพดานวัดเยซูอิดในแอนต์เวิร์ปโดยตรง จากการสำรวจทรัพย์สินที่ทิ้งเอาไว้ของหลานของยอร์ดานส์ ภาพชุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของบ้านที่ขายในปี ค.ศ. 1708




Diogenes 1642 [ไดออจินีสหาคนซื่อสัตย์] ภาพที่เขาวาดเต็มไปด้วยคนและสัตว์แน่นภาพตามแนวของเขา

ไดโอจีนีส แห่ง ซิโนเพ (Diogenes of Sinope)นักปราชญ์ชาวกรีกผู้มีฉายาว่า “นักปรัชญาผู้ใช้ชีวิตเยี่ยงสุนัข เป็นหนึ่งในนักปรัชญาผู้ก่อตั้งกลุ่มสำนักที่เรียกว่า “ซีนิก” (Cynic) ซึ่งดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่ายสุดโต่ง อาศัยขอเศษอาหารจากผู้คน และไม่มีสมบัติใดนอกจากถังไม้เก่าๆ ที่เอาไว้ซุกหัวนอน
ก่อนหน้านี้ไดโอจีนีสเคยมีถ้วยใบหนึ่งไว้ใช้ดื่มน้ำ แต่วันหนึ่งเขาเห็นเด็กชายดื่มน้ำจากแม่น้ำโดยใช้เพียงสองมือรอง ไดโอจีนีสจึงโยนถ้วยใบนั้นทิ้งพร้อมกล่าวว่า “เด็กชายเหนือกว่าข้าในด้านการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย”




ไดโอจีนีส ;วาดโดยJohn William Waterhouse จิตรกรกลุ่ม Pre-Raphaelite ในศ.ต.19

ไดโอจีนีสมักพูดจาถากถางนักปรัชญาผู้โด่งดังอย่าง “เพลโต” อยู่เสมอ ครั้งหนึ่งเพลโตเคยกล่าวว่ามนุษย์นั้นคือ “สัตว์สองเท้าที่ไร้ขน” (biped and featherless animal) และทุกคนก็เห็นว่าเป็นคำกล่าวที่ชาญฉลาด ไดโอจีนีสจึงจับไก่มาถอนขนแล้วนำไปให้เพลโตพร้อมกล่าวว่า “นี่ไง! มนุษย์ของท่าน”
ครั้งหนึ่งไดโอจีนีสเคยเดินไปตามท้องถนนพร้อมตะเกียงในเวลากลางวันแสกๆ ผู้คนที่พบเห็นจึงถามว่าเขากำลังมองหาอะไร คำตอบก็คือ “ข้ากำลังมองหาคนจริงใจ” และยังไม่เจอเพราะทุกคนต่างก็ใช้ชีวิตอย่างจอมปลอม




Portrait of the Artist's Daughter Elizabeth 1640 เอลีซาเบตบุตรสาวคนโต




Portrait of a young girl, possibly the artist's younger daughter, Anna Catharinaบุตรสาวคนเล็ก




"ครอบครัวพระเยซูและผู้อื่นกับสัตว์ต่าง ๆ ในเรือ" (The Holy Family with Various Persons and Animals in a Boat) ค.ศ. 1652

ขณะนั้นยอร์ดานส์มีอายุเกือบห้าสิบปีแล้ว งานเขียนในช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็นงานที่เขียนโดยผู้ช่วยภายใต้การดำเนินงานของยอร์ดานส์ และผลงานก็เริ่มลดน้อยลง ในภาพนี้ยอร์ดานส์ใช้คนในรูปเป็นจำนวนมากซึ่งทำให้เป็นงานหนักสำหรับผู้สูงอายุ สีที่ใช้เป็นสีที่เรียบออกไปทางเทาน้ำเงินและน้ำตาล ท่าทางการวางท่าของแบบในรูปสำรวม โครงสร้างภาพมีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมดูมั่นคง




"ชัยชนะของเฟรเดอริก แฮ็นดริก" (The Triumph of Frederik Hendrik) 1647 and 1652

เป็นภาพของคนกว่าห้าสิบคนล้อมรอบเจ้าชายเฟรเดอริก แฮ็นดริก และพระญาติ ที่เขียนเพื่อเป็นเกียรติแก่เฟรเดอริก แฮ็นดริก เจ้าชายแห่งออเรนจ์ ที่จ้างโดยพระชายาอามาเลียแห่งซ็อลมส์  การสร้างงานเขียนประเภทนี้เป็นที่นิยมกันในสมัยนั้นเพื่อที่จะแสดงความกล้าหาญและเป็นการสรรเสริญผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว  ยอร์ดานส์ใช้อุปมานิทัศน์โดยให้เฟรเดอริก แฮ็นดริกนั่งบนบัลลังก์ที่เป็นการแสดงความเป็นวีรบุรุษและเป็นผู้ทรงคุณธรรม
ยอร์ดานส์ได้รับเลือกให้เป็นผู้เขียนเพราะเป็นจิตรกรคนสำคัญหนึ่งในสามคนของฟลานเดอส์ (อีกสองคนคือเปเตอร์ เปาล์ รือเบินส์ และอันโตนี ฟัน ไดก์)




"ตาของเจ้าของทำให้ม้าดูอ้วน" (The Eye of the Master Makes the Horse Fat)

ยอร์ดานส์มักจะวาดภาพจากสุภาษิตโดยใช้ตัวแบบในภาพในการสื่อความหมาย ยอร์ดานส์เห็นว่าเป็นวิธีที่สะดวกในการแสดงถึงความโง่และความผิดพลาดของมนุษย์ และมักจะใช้สุภาษิตที่สื่อความหมายในการมองโลกในแง่ดี ยอร์ดานส์มักจะใช้ตัวแบบในการอธิบายความหมายของสุภาษิต เช่นในภาพ "ตาของเจ้าของทำให้ม้าดูอ้วน ที่เป็นภาพม้ายืนอยู่ท่ามกลางความมั่งคั่งซึ่งเป็นการแสดงถึงการบริหารจัดการที่ดี ยอร์ดานส์ใส่เทพเมอร์คิวรีที่มีอิทธิพลต่อม้า




ร่างภาพ "ในครัว" (Interior of a Kitchen) เป็นงานร่างชิ้นสำคัญที่สุดในบรรดางานร่างออกแบบมากมายสำหรับพรมแขวนผนังที่ยอร์ดานส์เขียน

พรมแขวนผนังเป็นงานที่มีค่าตลอดสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาและบาโรก พรมแขวนผนังผืนใหญ่ ๆ เริ่มปรากฏบนผนังของเจ้านายหรือขุนนางผู้มั่งคั่งในยุโรปในราวคริสต์ศตวรรษที่ 14 ผู้อุปถัมภ์งานมักจะจ้างจิตรกรเช่นยาโกบ ยอร์ดานส์, เปเตอร์ เปาล์ รือเบินส์ และปีเอโตร ดา กอร์โตนา ให้ มีรูปของเขาในผืนพรมในรูปของบุคคลสำคัญ ๆ ในประวัติศาสตร์หรือตำนานเทพเพื่อเป็นการยกย่องตนเอง




ภาพร่างพรมที่ยอร์ดานส์ออกแบบไว้ด้วยสีน้ำ- Like_to_like

ยอร์ดานส์มักจะใช้สีน้ำทึบในการเตรียมภาพร่างและเป็นผู้ที่มีความประหยัดในการใช้กระดาษที่จะไม่ลังเลที่จะเติมแถบกระดาษหรือตัดส่วนที่ไม่ต้องการออกไป หรือแปะบนร่างที่ทำไว้แล้วเพื่อแก้และได้ผลตามที่ต้องการ
ยอร์ดานส์ประสบความสำเร็จในการออกแบบพรมทอแขวนผนังเป็นอย่างมาก ที่ทำให้ได้รับงานจากหลายงานในการสร้างพรมชุดต่าง ๆ และได้ชื่อว่าเป็นผู้นำในการออกแบบพรมทอแขวนผนังคนหนึ่งในยุคนั้น




Cavalier and Lady woven พรมแขวนผนัง ออกแบบโดยยอร์ดานส์ที่ทอแล้ว

งานพรมแขวนผนังของยอร์ดานส์เป็นงานที่ทำให้ชนชั้นเจ้านายที่ถือว่าเป็นสิ่งมีค่าที่ต้องนำติดตัวไปด้วยในการเดินทางหรือไปศึกสงครามเพราะถือว่าเป็นเครื่องแสดงฐานะและศักดิ์ศรีหัวเรื่องที่ยอร์ดานส์ทำก็แตกต่างกันไปที่รวมทั้งตำนานเทพ ประวัติศาสตร์ หรือชีวิตชนบท



Portrait of a Gentlewoman c. 1660 ภาพยุคท้ายๆที่เขาวาด ซึ่งระยะบั้นปลายแทบจะไม่มีงานเขาเลย








มีงานวาดเส้น 450 ชิ้นที่กล่าวว่าเขียนโดยยอร์ดานส์ แต่ก็อาจจะเป็นของรือเบินส์ปะปนอยู่ด้วยเพราะลักษณะงานเขียนของจิตรกรสองคนนี้มีความคล้ายคลึงกัน

ยอร์ดานส์วัย81และลูกสาวเอลีซาเบตเสียชีวิตในวันเดียวกันด้วยเชื้อโรคลึกลับ "zweetziekte"  ร่างของทั้งสองคนถูกฝังด้วยกันในวัดโปรเตสแตนต์ที่ปึตเตอ (Putte) ที่เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆหนือเขตแดนเบลเยียมที่เป็นที่ฝังของภรรยาปีหนึ่งก่อนหน้านั้น




อนุสาวรีย์ที่หลุมฝังศพ หมู่บ้าน Putte




อนุสาวรีย์ ยอร์ดานส์ที่ Antwerp, Belgium.


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศิลปะยุคกรีก

ศิลปะยุค โรโกโก ตอนที่1 ศิลปแห่งความอ่อนหวานและรุงรัง

ศิลปะยุคบาโรค Baroque ตอนที่ 9 Gian lorenzo Bernini ผู้เสกหินอ่อนให้หายใจได้