ศิลปะยุคกรีก (วรรณกรรมสำคัญของกรีกที่มีอิทธิพลต่อศิลปะ)

   ก่อนจะกล่าวถึงศิลปยุคต่อไปขอกล่าวถึงวรรณกรรมสำคัญของกรีก ที่มีอิทธิพลต่อศิลปะทั้งงานจิตรกรรมและประติมากรรมของศิลปินหลายยุค ตั้งแต่กรีก โรมัน จนถึงศิลปินในยุคปัจจุบัน นั่นคือ วรรณกรรมอีเลียดและโอดีสซี โดยโฮเมอร์ (Homer) กวีตาบอดชาวกรีก ประพันธ์ไว้เมื่อประมาณ 2,400 ปีก่อน แต่มีการแต่งเสริมความจนยืดยาวจากกวีรุ่นหลังๆ

Homer Reciting his Poems’ 1790;โดยเซอร์โธมัส ลอร์เรนซ์ Sir Thomas Lawrence



โฮเมอร์กับผู้นำทาง อีกภาพวาดโดย William Adolphe Bouguereau (1825-1905)


    มหากาพย์อีเลียด*สงคราม 10 ปีอีเลียด ซึ่งเป็นภาษากรีกโบราณ หมายถึง "โทสะ" เป็นการประกาศถึงธีมหลักของเรื่อง อีเลียด นั่นคือ "โทสะของอคิลลีส" บทกวีเรื่องนี้เป็นวรรณกรรมที่เก่าแก่ที่สุดในภาษากรีกโบราณ จึงถือได้ว่าเป็นวรรณกรรมชิ้นแรกของยุโรปแต่ที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นการรวบรวมเหตุการณ์หลายๆเรื่องมาผูกกันให้เรื่องราวเป็นทิศทางเดียวกัน เช่น โยงสงครามเมืองทรอยเข้ากับตำนานปรัมปราอื่นๆ


    เปิดม่าน  ..เอริส เทพีแห่งการทะเลาะวิวาท โกรธแค้นที่ไม่ได้รับเชิญไปร่วมงานอภิเษกสมรสระหว่างเทพีเธทิสและกษัตริย์เพลีอุสแห่งพาเธีย ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในสรวงสวรรค์ นางแอบเอาแอ๊ปเปิ้ลทองคำไปวางไว้หน้างาน ซึ่งจารึกข้อความว่า แด่ผู้ที่สวยที่สุดในสวรรค์

เทพีงานอภิเษกสมรสระหว่างกษัตริย์เพลีอุสแห่งพาเธียและเธทิส
(Marriage of Peleus & Thetisเธทิส)


     ด้วยเหตุนี้เทพีที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุด 3 องค์ ได้แก่ เทพีเฮรา เทพีอเธน่า และเทพีอะโฟไดท์  ต่างก็แย่งกันเป็นเจ้าของแอ๊ปเปิ้ลลูกนั้น แต่ก็ไม่มีใครสามารถตัดสินได้ แม้แต่ซุสผู้เป็นราชาแห่งทวยเทพ จึงให้มนุษย์เป็นผู้ตัดสินใจแทน ซึ่งก็คือ เจ้าชายปารีส โอรสองค์เล็กของพระเจ้าเปรียมแห่งกรุงทรอย เฮราให้สัญญาว่าหากปารีสเลือกนาง นางจะบัลดาลให้มีอำนาจเกรียงไกรและมั่งคั่งมหาศาลที่สุดในโลกในขณะที่เอเธน่ารับปากจะให้เขาเป็นคนที่เฉลียวฉลาดที่สุดในโลก แต่อะโฟไดท์ ติดสินบนด้วยการจะให้ได้หญิงที่สวยที่สุดมาครอบครอง

    
     เจ้าชายปารีส แห่งกรุงทรอย  กำลังตัดสินความงามของสาวน้อยสาวใหญ่ จะเห็นสัญลักษณ์ของแต่ละนางคือสาวใหญ่เฮราเมียซีอุสมีนกยูงสัตว์ประจำตัวเดินนัวเนียอยู่ เทพีอเธนาเจ้าแห่งสงคราม ในมือถือหอกด้ามยาวสวมหมวกเกราะแบบทหารโรมัน ส่วนน้องวีนัสเป็นคนเปิดเผยมีคิวปิคยืนอยู่ข้างๆ ส่วนปารีสกำลูกแอปเปิ้ลที่น้องวีนัสให้ แน่นเลย

     ปารีสจึงตัดสินให้เทพีอะโฟไดท์ได้ครอบครองผลแอ๊ปเปิ้ลทองคำเพราะเขาอยากครองคู่กับเฮเลน สตรีที่งดงามที่สุดบนโลกมนุษย์  ต่อมาปารีสได้พบกับเฮเลนผู้เป็นธิดาแห่งเทพซุส ปัญหาก็คือ เฮเลนไม่ใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือย แต่นางเป็นถึงมเหสีของ เมเนลอส เมเน ลาอุส เจ้าเมืองสปาร์ตา แต่ไม่มีปัญหาเทพีอะโฟไดท์ทำให้เฮเลนตกหลุมรักปารีสเมื่อแรกพบประสพพักต์

Venus Induces Helen to Fall in Love with Paris.วาดโดย Angelica Kauffmann

     เมื่อไปถึงสปาร์ตา กษัตริย์เมเนลอส ต้อนรับเจ้าชายปารีสเป็นอย่างดี แต่ในระหว่างที่เมเนลอสต้องออกจากเมืองเพื่อไปเยี่ยมกษัตริย์นอสซอส เจ้าชายปารีสจึงลงมือลักพาตัวเฮเลนกลับไปยังเมืองทรอย ก่อนจะจัดพิธีอภิเษกขึ้นในภายหลัง ครั้นเมื่อกลับมาและพบว่า พระมเหสีอันเป็นที่รักถูกลักพาตัวไป กษัตริย์เมเนลอสจึงได้รวบรวมสมัครพรรคพวก กษัตริย์อกาเมมนอนและเจ้าชายทุกเมืองแห่งกรีก ร่วมกันส่งกองทัพไปยังเมืองทรอยเพื่อล้างแค้น

ปารีสกับเฮเลนโดย Jacques Louis David

       โดยพวกกรีกได้จับตัวนางไครเซอีส ลูกสาวของไครลีสเจ้าพิธีของอพอลโลมาแล้ว และยกนางให้เป็นรางวัลแก่อักกะเมมนอน เทพอพอลโลจึงทำให้เกิดโรคระบาดในกองทัพกรีก เพื่อบีบบังคับให้อักกะเมมนอนคืนตัวนางไครเซอีสให้แก่เขา

   อักกะเมมนอนจึงไปบังคับเอาตัวนางไบรเซอีสมาแทน ซึ่งนางไบรเซอีสเป็นทาสชาวเอเคียนที่ยกให้เป็นรางวัลแก่อคิลลีสนักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค อคิลลีสเลยงอนล่ะ จึงได้ถอนตัวออกจากการรบ

อคิลลีสไม่พอใจต่ออักกะเมมนอน เทธีอเธน่ากำลังปลอบอยู่ข้างหลัง

ไครอนเป็นเซนทอร์ที่นิสัยดีและเฉลียวฉลาด 
ทั้งยังป็นผู้คงแก่เรียน มีความสุขุมรอบคอบ
จนได้รับเลือกให้เป็นอาจารย์ของเหล่าวีรบุรุษหลายคน
รวมถึงอะคลิลีส แม่ทัพของกรีกที่เข้าโจมตีทรอย

อคิลลีสเป็นบุตรของนางอัปสรธีทิสเมื่ออคิลลีสเกิด 
ธีทิสได้จุ่มร่างของบุตรลงในแม่น้ำสติกส์เพื่อให้เป็นคงกระพัน 
ร่างกายของอคิลลีสจึงแข็งแกร่ง,มีเพียงข้อเท้าที่ถูกจับไว้เท่านั้น

เจ้าชายปารีสกับนางเฮเลนแห่งสปาร์ต้า
ก่อนมาเป็นสะใภ้เจ้าของทรอย
ปรึกษากับเฮกเตอร์พี่ชายที่จะเป็นแม่ทัพรบกับสปาตาร์ของกรีก

     กองทัพอันยิ่งใหญ่ของกรีกที่มีเรือกว่า 1,000 ลำนี้ต้องใช้เวลานานกว่าที่จะไปถึงเมืองทรอยเนื่องจากไม่มีผู้ใดรู้ถึงที่ตั้งอันแน่ชัดของเมืองทรอย อย่างไรก็ตาม สงครามระหว่างกรีกและทรอยนั้นต้องใช้เวลาสู้รบกันยาวนานกว่า 10 ปี เนื่องจากเมืองทรอยนั้นมีกำแพงเมืองที่แข็งแกร่งยากที่ผู้ใดจะทำลายได้ ด้วยเหตุนี้ ในช่วง 9 ปีแรกของสงครามกองทัพกรีกจึงต้องไปโจมตีทำลายเมืองบริวารทั้งหลายของทรอยให้สิ้น เนื่องจากเมืองเหล่านี้คอยส่งอาหารและอาวุธต่างๆให้กับทรอย

    แม้จะทำลายเมืองบริวารจนหมดสิ้นแล้ว กองทัพกรีกก็ยังไม่สามารถบุกเข้าไปในเมืองทรอยได้ จนทำให้เหล่านักรบกรีกเริ่มถอดใจ แต่ในยามที่สำคัญเช่นนี้ โอดิสซุสแม่ทัพผู้ปราดเปรื่องของกรีกก็คิดอุบายหนึ่งขึ้นมาได้ ซึ่งเขาสั่งให้สร้างม้าไม้ขนาดมโหฬารขึ้นมา และทำให้ด้านในของม้าไม้นี้กลวงเพื่อที่จะได้นำทหารของกรีกเข้าไปหลบอยู่ด้านใน



     เมื่อการสร้างม้าไม้เสร็จสิ้นแล้ว โอดิสซุสและกษัตริย์เมเนลอสพร้อมทหารแห่งกรีกจึงเข้าไปหลบซ่อนอยู่ภายในม้าไม้ที่สร้างขึ้น ก่อนจะสั่งให้เผาค่ายทิ้ง และให้ทหารแสร้งทำเป็นยกกองทัพเรือกลับไป แถมยังทิ้งทหารชื่อ ซินอน เอาไว้ที่เมืองทรอย เพื่อหลอกล่อให้ชาวทรอยหลงเชื่อ

      เมื่อชาวทรอยเห็นกองทัพกรีกถอนทัพไปจนหมดสิ้นแล้ว จึงพากันออกมาดูไม้ยักษ์ที่ตั้งตระหง่าน โดยซินอนได้หลอกชาวทรอยว่า เขานั้นถูกกองทัพกรีกทิ้งเอาไว้ให้หลงทางอยู่เพียงคนเดียว ส่วนม้าไม้นี้เป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะ และเป็นการขอบคุณเทพีอาเธนาที่คอยช่วยเหลือ ซึ่งม้าไม้ตัวนี้จะนำพาโชคลาภให้กับเมืองทรอยในกาลต่อไปชาวทรอยนั้นต่างหลงเชื่อในคำพูดของซินอน และได้ลากม้าไม้ยักษ์นี้เข้าไปภายในเมือง


      เลาคูน พยายามแจ้งเตือนพี่น้องชาวทรอยให้ตระหนักว่า ม้าไม้ก็คืออุบายอย่างหนึ่งของชาวสปาร์ต้า   เป็นกลศึกที่ไม่ควรไว้วางใจ และบอกให้ชาวทรอยอย่าได้รับม้าไม้นี้เข้ามาในเมือง เทพีที่เกิดความแค้นต่อเจ้าชายปารีส และชาวเมืองทรอยก็คือ เทพีเฮอรา ย่อมต้องการปิดปากเลาคูน เพราะกลัวว่า หากชาวทรอยเกิดเชื่อเลาคูนขึ้นมา แผนการม้าไม้ก็จะล้มเหลว เทพีเฮอรา จึงส่งอสรพิษร้ายเข้ามาสังหาร นักบวชเลาคูน พร้อมด้วย ลูกชายของเขาอีก 2 คน    


     ชาวกรีกมีอคิลลีสนักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค ฝ่ายเมื่องทรอยมีเจ้าชายเฮกเตอร์ ลูกชายของท้าวเพรียม ช่วงที่อะคิลีสยังไม่ออกรบ แม่ทัพปโตรกลัสสหายร่วมรบของอะคิลีสได้ปลอมตัวเป็นอคิลลีสโดยนำเสื้อเกราะของเขามาสวม และได้นำทัพถูกเฮกเตอร์ฆ่าตายในสนามรบ

ภาพปโตรกลัสเพื่อนของอะคิลิสตายลงทำให้อะคิลิสของขึ้น วาดโดย Leon Cogniet 
อคิลลีสจึงกลับเข้าร่วมรบเพื่อที่จะแก้แค้นให้ปโตรกลัส 
เขาประลองตัวต่อตัวกับเฮกเตอร์และฆ่าเฮกเตอร์ได้สำเร็จ 
แล้วเอาร่างของเฮกเตอร์กลับไปค่ายด้วย

นางอัปสรธีทิสนำชุดเกราะมาให้อคิลลีสไปลุยสงคราม วาดโดย Benjamin West

เฮกเตอร์กำลังร่ำลาภรรยาและลูกน้อยไปรบ by Angelica Kauffmann

กำลังดวลเดือดระหว่างคิลลีสกับเฮกเตอร์ แบบพอรู้ผล

แฮกเตอร์ถูกฆ่าในสนามรบ อะคลิลิสลากศพประจานแล้วนำกลับเข้าค่ายของตน

ท้าวเพรียมซึ่งเป็นพ่อของเฮกเตอร์ 
ได้ลอบเข้าค่ายทัพกรีกเพื่อไถ่ร่างของลูกชายคืน 
อคิลลิสเกิดความสงสารจึงคืนร่างของเฮกเตอร์ให้แก่เขา 
และก็ได้จบลงที่การทำพิธีศพของเฮกเตอร์

แอนโดรมาคีกอดศพแฮกเตอร์ด้วยความรันทด

แอนโดรมาคี (Andromache)ทำพิธีศพสามีแฮกเตอร์ เห็นลูกชายถอดเสื้อยืนอยู่ข้างหลัง วาดโดยFrederic Leighton

ส่วนอคิลลีสเป็นผู้ที่บุกตะลุยเข้าไปในเมือง
ลังจากเข้าเมืองได้ด้วยอุบายม้าไม้ของโอดิซูส 
และอคิลลีสก็ถูกสังหาร ตามคำทำนาย
ด้วยลูกธนูที่ข้อเท้าจากการยิงของปารีส
และปารีสก็ถูกสังหารโดยบุตรชายของอคิลลีสเอง

อีเนียส (Aeneas) เป็นเจ้าชายแห่งเมืองทรอย
และเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเฮกเตอร์และปารีส 
ก่อนทรอยจะแตก อโฟรไดท์(อเธนา)ช่วยให้อีเนียสหนีออกมาได้ โ
ดยเขาพาชาวเมืองออกมาด้วยจำนวนหนึ่ง

     อีนีอิด (Aeneid) เป็นเล่าเรื่องต่อจากอิเลียด แต่ผู้แต่งคือ เวอร์จิล (Virgil) กวีชาวโรมันกล่าวถึงบรรพบุรุษชาวโรมัน คืออีเนียสหรืออีนีอิด คนนั้นนั่นเอง

      โอดีสซีย์ (อังกฤษ: Odyssey;) บทกวีเล่าเรื่องราวต่อจากอีเลียด ว่าด้วยการเดินทางกลับบ้านที่อิธาคาของวีรบุรุษกรีกชื่อ โอดิซูส (หรือยูลิซีส ตามตำนานโรมัน) หลังจากการล่มสลายของทรอย
        
        นักรบกรีกที่รอดชีวิตจากสงครามโทรจัน ต่างพากันเดินทางกลับบ้าน ยกเว้นโอดิสซีอุสที่ถูกเทพเจ้าโพเซดอนกักขังไว้เพราะบังอาจติเตียนเจ้าสมุทร โอดิสซีอุสต้องไปเฝ้าจอมเทพซีอุสที่เขาโอลิมปัส ขอให้เขาช่วยให้ได้กลับบ้านที่อิตากา

เรือของโอดิซูสขณะออกผจญภัยวาดโดย วิลเลี่ยม เทอร์เนอร์

     ขณะเดียวกันนั้นเทวีอเธนาได้เดินทางไปพบลูกชายของโอดิสซีอุส คือ เทเลมาชัสที่อิตากา นางได้บอกเรื่องที่พ่อของเขายังไม่ตายให้เขาไปพบพ่อให้ได้




       โอดิซูสใช้เวลาเดินทางกลับบ้านนานถึง 10 ปี หลังจากที่ใช้เวลาไปในศึกเมืองทรอยแล้วถึง 10 ปี ระหว่างเวลาเหล่านั้น เทเลมาคัส บุตรของเขา และ พีเนโลปผู้ภรรยา ต้องต่อสู้กับกลุ่มคนพาลที่พยายามจะขอวิวาห์กับพีเนโลป เพราะต่างคิดว่าโอดิซูสเสียชีวิตแล้ว


พีเนโลปกำลังโดนตอม เพราะไอ้หนุ่มนึกว่าหล่อนหม้ายไปแล้ว
วาดโดย Jhon William Waterhouse

          ทางฝ่ายโอดิสซีอุส แล่นเรือผ่านเกาะที่มียักษ์ตาเดียวPolyphemus คอยจับคนเป็นอาหาร โดยทุ่มหินใส่เรือที่แล่นผ่านมา


      
      ยักษ์ทุ่มหินให้เรือล่มแล้วจับพวกเขาขังไว้ในถ้ำ ยักษ์ขังพวกเขารวมกับฝูงแกะแล้วเอาหินปิดปากถ้ำ เมื่อถึงเวลาเมื้ออร่อยก็หยิบกินวันละคน โอดิซูสเลยคิดอุบายหนีตอนที่ยักษ์เปิดถ้ำปล่อยแกะ เขาและเพื่อนๆซ่อนใต้ท้องแพะ



      หลังจากรอดจากยักษ์ตาเดียวแล้วมาเจอแม่สาวจอมเวทย์อย่างนางเซอร์ซี (circe) ที่เกาะอีอีคา นางเซอร์ซี ได้เสกให้ลูกเรือเป็นตัวประหลาดหมด


แม่มดสาวกำลังร่ายมนต์แล้วคนก็กลายเป็นสัตว์ร้ายแสนอเชื่อง 
วาดโดย john williams waterhouse




      สุดท้ายก็รอดกลับคืนร่างเป็นคน เฮอร์มิส(เป็นลูกจ๊อกและสามีคนหนึ่งของอเธนา)ที่ตามมาช่วยเหลือบังคับให้เซอร์ชีถอนคำสาป.. พอเป็นคนกันหมดแล้วก็เผ่นน่ะซิ



      ล่องเรือต่อมาเจอพวกนางไซเรนบางชนิดกล่าวว่าเป็นคนคล้ายนก บางที่ว่าเป็นปลาคล้ายคน มีเสียงเพราะจนหลงไหลขาดสติได้ดึงดูดให้ชายหลงเข้าไปสู่ความตายที่โขดหินมรณะ  แต่อะคลิลิสอยากฟังเสียงมากจึงให้มัดตนเองไว้กับเสาเรือแล้วเปิดหูฟัง แล้วเอาขี้ผึ้งอุดหูลูกเรือไว้ ทำให้ออกมาจากเกาะนั้นอย่างปลอดภัย



อคลิลิสกำลังเผชิญกับพวกไซเรนวาดโดย Herbert James Draper (English painter)


        จนมาถึงช่องแคบในทะเลที่มีสัตว์ร้ายดูแลอยู่คือ สกิลากับชาริบดีสปีศาจหกหัว สกิลาได้จับลูกเรือ 6 คน แต่เรือก็สามาถแล่นผ่านช่องแคบไปได้


Scylla and charybdis by steve-somers

        และมาถึงเกาะสุริยเทพ ลูกเรือผู้หิวโหยได้แอบไปฆ่าวัวศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ฟังคำเตือนของโอดิสซีอุส สุริยเทพจึงทำให้เรือแตกต้องผจญกับวังน้ำวนคาริบดีส ซึ่งดูดทุกอย่างลูกเรือจมหายหมดเหลือแต่โอดิสซีอุสที่ลอยตัวตามกระแสคลื่นมาเกยฝั่งเกาะโอจิเจีย




       โอดิซซิอุสได้ล่องเรือผ่านทะเลแห่งนี้ เขาได้พบกับพายุจนเรือแตกที่ Ogygia และลอยไปติดที่เกาะแห่งควาฝัน เมื่อคาลิปโซ่เห็นหน้าของโอดิสซีอุส เธอก็ตกหลุมรักเขาทันที




          โอดิสซิอุสอาศัยอยู่กับคาลิปโซ่ได้เจ็ดปี ระหว่างที่เขาอยู่กับนาง เขาได้รับพรทางเทพให้คงร่างเป็นหนุ่มอยู่เช่นนั้น และหากเขารับปากตกลงจะอยู่กับเทพธิดานี้ตลอดไป โอดิสซิอุสก็จะได้รับชีวิตนิรันดร์ มีความสุขอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด บนเกาะแห่งความฝัน




        ฝ่ายซีอุสได้รู้ว่าโอดิสซีอุสถูกจับจึงได้ส่งเฮอร์มีสไปที่โอจิเจีย บังคับให้ธิดาทะเลปล่อยโอดิสซีอุส โอดิสซีอุสจึงรีบต่อเรือเสร็จใน4วันและแล่นออกจากเกาะไป ส่วนคาลิปโซ่ จมอยู่กับความเศร้าโศกเสียใจ และตายหลังจากที่โอดิสซิอุสออกจากเกาะไปไม่นาน


คาลิปโซ่โดดเดี่ยวเหมือนตื่นจากความฝันที่แสนสุขหลือเพียงความอ้างว้าง 
รูปไม่แสดงใบหน้าให้เราจินตนาการถึงดวงตาที่เหม่อมองยังผิวน้ำที่เคยมีโอดิสซี่ปรากฏตัวที่ราวกับความฝันของตนเอง Calypsoวาดโดย Herbert James Draper

    ฝ่ายโพซิดอนจ้าวทะเลที่ยังไม่หายโกรธแค้นโอดิสซีอุสจึงได้ทำให้เกิดลมพายุพัดเรือแตก




      สายน้ำพัดพาโอดิสซีอุสไปติดที่ชายฝั่งทะเลเฟเซียน ลูกสาวของกษัตริย์อัลซิโนสคือนางนอสิกา(nausicaa)ได้พบโอดิสซีอุสที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ทั้งสองนางตกใจแต่สุดท้ายก็ได้ช่วยเหลือโอดิสซีอุส ให้สวมเสื้อผ้าให้ดื่มน้ำและรับประทานอาหาร และพาไปพบพ่อของนางและสัญญาว่าจะส่งโอดิสซีอุสกลับบ้านเมืองโดยที่ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร




     ในงานเลี้ยงมีการร้องเพลง พูดถึงสงครามโทรจันและความทุกข์ยากในการเดินทางกลับ กรีซอัลซิโนสสังเกตว่าโดยที่ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ระหว่างที่ฟังเพลงนั้น เพื่อให้หายสงสัย เมื่อเพลงจบลง กษัตริย์จึงได้จัดให้มีการเล่นเกมส์ โอดิสซีอุสได้แสดงความแข็งแกร่งออกมา ด้วยพละกำลังของเขา ทุกคนสามารถรับรู้ได้ว่าเขาเป็นใคร โอดิสซีอุสจึงได้เล่าเรื่องของเขาให้ทุกคนฟัง




      เมื่อมาถึงนครธิอาคาแล้วโอดิสซีอุสนำสมบัติที่ได้ทั้งหมดไปซ่อนไว้ในถ้ำ เทวีอธีนาแปลงให้โอดิสซีอุสเป็นชายแก่เดินทางไปลาซิโดมอน เพื่อรอการกลับมาของลูกชายที่เดินทางไปเฝ้าเมเนลอสกับพระนางเฮเลน




     ระหว่างนั้นโอดิสซีอุสก็ไปที่กระท่อมของคนรับใช้เก่าคือยูเมอุส ยูเมอุส จึงได้เล่าให้โอดิสซีอุสฟังว่า บรรดาผู้ดูแลทรัพย์สินได้ใช้จ่ายเงินทองอย่างฟุ่มเฟือยจนแทบจะไม่เหลือ เมื่อลูกของเขากลับมาถึงทั้งสองพ่อลูกก็ได้พบกัน  ยูเมอุสและโอดิสซีอุสจึงได้แปลงตัวเป็นคนขอทานไปยังบ้านของเขาเอง


ภาพนางยูริแคลอดีตนางกำนัลเก่าแก่กำลังปลุกเพเนโลป

      ยูเมอุสกับโอดิสซีอุสถูกพวกผู้ดูแลขับไล่และด่าว่าอย่างรุนแรง แถมแอนติโนสยังเหวี่ยงม้านั่งมาโดนไหล่ของโอดิสซีอุสอีกด้วย โอดิสซีอุสสั่งให้ลูกของเขาเก็บอาวุธทั้งหมด กักผู้หญิงรับใช้ไปที่มุมหนึ่ง เพเนโลปจำเค้าหน้าของโอดิสซีอุสได้ แต่โอดิสซีอุสไม่ยอมรับว่าเขาเป็นใคร คงมีแต่นางยูริแคลอดีตนางกำนัลในวังที่จำนายเก่าได้ ขณะที่ล้างเท้าให้ขอทาน เพราะเห็นรอยแผลเป็นเหนือเข่าแต่เธอไม่บอกใคร




     ฝ่ายเพเนโลปวางแผนหาคนที่แข็งแรงเพื่อมาช่วยเธอจากพวกคนดูแล เธอประกาศใช้คนธนูและขวาน 12 ด้ามของยูริตัสมาใช้ในการแข่งขัน เธอบอกกับพวกดูแลว่าเธอยินดีแต่งงานกับคนที่สามารถยิงธนูทะลุขวาน 12 ด้ามได้ เทมาชัสจึงเข้าสนามประลอง แต่เขาทำไม่สำเร็จฝ่ายผู้ดูแลพยายามทีละคนก็ไม่สำเร็จ ในที่สุดโอดิสซีอุสจึงขอเข้าร่วมการแข่งขัน ปรากกว่าโอดิสซีอุสทำสำเร็จ เขาแปลงร่างกลับเป็นโอดิสซีอุสคนเดิม และยิงพวกผู้ดูแลเริ่มจากแอนติโนสตามด้วยผู้ดูแลคนอื่นๆ





        เกิดการสู้รบกันพักหนึ่ง พวกผู้หญิงที่จงรักภักดีต่อผู้ดูแลถูกจับแขวนคอที่สนามหญ้า ฝ่ายเพเนโลปที่รอผลการประลองอยู่ในห้องได้ออกมาพบสามีของเธอ ทั้งสองได้มีความสุขอยู่ด้วยกันอีกครั้ง หลังที่ต้องจากกันเป็นเวลานาน 





จบเรื่องย่อๆ..ปิดม่าน



                                                                                                          by yuttavitcho        


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศิลปะยุคกรีก

ศิลปะยุค โรโกโก ตอนที่1 ศิลปแห่งความอ่อนหวานและรุงรัง

ศิลปะยุคบาโรค Baroque ตอนที่ 17 โยฮัน เฟอร์เมร์ (Johan Vermeer) ผู้สร้างภาพถ่ายในยุคทองของบาโรคเนเธอแลนด์